GL โชว์กำไรครึ่งแรกปี 56 กว่า 181 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.60% รับปัจจัยหนุนทั้งการขยายตัวของธุรกิจในประเทศ-รับรู้รายได้ต่างประเทศ มั่นใจครึ่งปีหลังติดปีก ดันกำไรทุบสถิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์

14 Aug 2013

GL โชว์ตัวเลขกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2556 กว่า 181 ล้านบาท ขยายตัว 25.60% จากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ชี้ปัจจัยหนุนมาจากการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจลีสซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศ พร้อมการรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญจากการทำธุรกิจในต่างประเทศ แจงรายได้ไตรมาส 2 ขยายตัวอย่างน่าพอใจ แต่บริษัทฯ รับรู้ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ GLF ในกัมพูชาทั้งจำนวน ส่งผลให้กำไรไตรมาส 2 เติบโตได้เพียง 2.41% จากปีก่อน ลั่นครึ่งปีหลังเตรียมเดินหน้าเต็มสูบ มั่นใจเป็นโอกาสทองของการสร้างกำไรที่ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ขีดความสามารถในการจ่ายปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น หลังบริษัทลูกในสิงคโปร์ GLH มีมติจ่ายปันผล 70% ของกำไรสุทธิและกำหนดจ่ายทุกไตรมาส

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งแรกของปี 2556 (มกราคมถึงมิถุนายน) ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 181.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 25.60% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งมีกำไรสุทธิ 144.5 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/2556 (เมษายนถึงมิถุนายน)บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 90.84 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.41% เมื่อเปรียบเทียบกับระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีกำไรสุทธิ 88.7 ล้านบาท

“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการในงวด 6 เดือนแรกของปีนี้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศ พร้อมๆ กับการรับรู้รายได้อย่างมีนัยสำคัญจากการทำธุรกิจของ GL ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในกัมพูชา ซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2/2556 ของเราเติบโตจากปีก่อนเพียง 2.41% และเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับไตรมาสที่ 1/2556 ที่มีกำไรสุทธิ 91.30 ล้านบาท ทั้งๆ ที่รายได้เติบโตอย่างน่าพอใจนั้น เป็นผลมาจากการที่เราตัดสินใจรับรู้ค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งธุรกิจในกัมพูชาทั้งจำนวน เป็นการตัดค่าใช้จ่ายเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะส่งผลให้ช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เราไม่จำเป็นต้องกังวลกับภาระค่าใช้จ่ายดังกล่าว และนั่นจะเป็นปัจจัยผลักดันให้กำไรสุทธิในครึ่งปีหลังของ GL สามารถทำลายสถิติสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ได้อย่างแน่นอน” นายมิทซึจิกล่าว

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 ของ GL เป็นตัวเลขที่รวมกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศไว้แล้วจำนวน 16.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ เริ่มรับรู้กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ และเชื่อมั่นว่า หลังจากนี้ กำไรจากธุรกิจในต่างประเทศจะเข้ามาอย่างสม่ำเสมอและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปัจจุบัน GL ลงทุนในประเทศกัมพูชาผ่านบริษัทลูก คือ GL Finance หรือ GLF ที่ได้รับใบอนุญาตทำธุรกิจลีสซิ่งจากธนาคารแห่งชาติกัมพูชา และเป็นเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับสิทธิปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ จากตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศกัมพูชา โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงถึง 95% ของตลาดรถจักรยานยนต์ทั้งหมด โดยปัจจุบัน GLF ได้เปิดสำนักงานขายในกัมพูชาเพิ่มอีก 3 แห่ง อยู่ในพระตะบอง 2 แห่ง และรัตนคีรีอีก 1 แห่ง ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะเปิดสำนักงานขายครอบคลุมทั่วประเทศอีก 26 แห่งภายในปีนี้

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวด้วยว่า ในปีนี้นับได้ว่าเป็นปีแห่งการเริ่มต้นเก็บเกี่ยวรายได้และกำไรจากธุรกิจในต่างประเทศอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจของ GLF ในกัมพูชาที่ผ่านช่วงทดลองทำธุรกิจ จนนับได้ว่าประสบความสำเร็จและพร้อมจะเดินหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยเป้าหมายในการปล่อยกู้อยู่ที่ 2,000 หน่วยต่อเดือน ขณะที่ GL Holding หรือ GLH ในสิงคโปร์ซึ่งทำหน้าที่ในการหาแหล่งเงินต้นทุนต่ำเพื่อสนับสนุนให้กับบริษัทในเครือ ได้กำหนดนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตรา 70% ของกำไรสุทธิ กำหนดจ่ายทุกไตรมาส ซึ่งจะส่งผลต่อขีดความสามารถในการจ่ายปันผลระหว่างกาลของ GL ให้เพิ่มขึ้น

ในส่วนของธุรกิจในประเทศไทยนั้น แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะชะลอตัว แต่ GL กลับไม่ได้รับผลกระทบและยังคงเติบโตอย่างสวนกระแส เพราะนอกจากจะมีการขยายการทำตลาดในเชิงรุกแล้ว บริษัทฯ ยังขยายตัวแทนจำหน่ายหรือดีลเลอร์เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ยอดขายเฉลี่ยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อยู่ที่ 8,000 หน่วยต่อเดือน เพิ่มขึ้น 35% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเฉลี่ยเพิ่มเป็น 10,000 หน่วยต่อเดือนในไตรมาสที่ 3 และเพิ่มเป็น 12,000 หน่วยต่อเดือนในช่วงปลายปีนี้

“ธุรกิจลีสซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ในเมืองไทยจัดว่าเป็นธุรกิจที่มีความพิเศษ เฉพาะตัว เพราะไม่หวั่นไหวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ส่วนหนึ่งเพราะอัตราผ่อนชำระต่องวดไม่สูงมาก ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อผู้คนมากขึ้น ซึ่งหลายครั้งที่ผ่านมา เราพบว่า ผลประกอบการของ GL มักจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นหลังจากผ่านวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งทั้งปัจจัยในประเทศและการเติบโตของธุรกิจในต่างประเทศ ทำให้เรามั่นใจว่า นาทีนี้คือโอกาสของเราจริงๆ” นายมิทซึจิกล่าว