GL ตอกย้ำเข้าสู่ยุคทอง โชว์กำไรไตรมาสแรก 91.30 ล้านบาท เติบโตกว่า 60 % บอร์ดเห็นชอบกรรมการ GL และ GLF สะสมหุ้น เพื่อร่วมสร้างธุรกิจทั้งไทย-กัมพูชาระยะยาว

14 May 2013

GL เดินหน้าเข้าสู่ยุคทองอย่างแท้จริง ประกาศกำไรไตรมาส 1/2556 จำนวน 91.30 ล้านบาท เติบโตกว่า 63.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.80 ล้านบาท คาดผลการดำเนินงานไตรมาสต่อไปทะยานต่อเนื่อง หลังแผนธุรกิจทั้งในประเทศไทยและกัมพูชาเป็นไปตามเป้าหมาย เชื่อทำให้ผลการดำเนินงานปี 2556 เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่บอร์ดเห็นชอบกรรมการ GL และ GLF ซื้อหุ้นบริษัทฯ เพื่อให้มีส่วนร่วมอันเป็นการแสดงถึงความมั่นใจต่อศักยภาพในการขยายธุรกิจและเติบโตระยะยาว ส่วนมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) ใหม่ 0.50 บาท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยจะเริ่ม 15 พฤษภาคมนี้ ส่งผลให้ราคาใช้สิทธิ GL-W2 เปลี่ยนเป็น 2.95708 บาทต่อหุ้น

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2556 (ม.ค.-มี.ค.) งบเฉพาะกิจการของบริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 91.30 ล้านบาท เติบโตประมาณ 63.6% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 55.80 ล้านบาท ซึ่งการเติบโตอย่างก้าวกระโดดมาจากบริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์เชิงรุก ประกอบกับสามารถติดตามหนี้สินที่ได้ตั้งสำรองหนี้สูญก่อนหน้านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์และการสื่อสารเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ทำให้มีตัวแทนจำหน่าย (Dealer) รายใหญ่เพิ่มขึ้น

“หลังจากปี 2555 บริษัทฯ ได้ปรับรูปแบบการสื่อสารทั้งภายในองค์กรและภายนอกองค์กร โดยเน้นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น ขณะเดียวกันทีมการตลาดก็ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์อย่างใกล้ชิดและแน่นแฟ้นขึ้นทำให้มีดีลเลอร์รายใหญ่เข้ามา ประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศไทยยังมีการเติบโตที่ดี รวมถึงบริษัทฯ สามารถติดตามลูกหนี้เดิมซึ่งบริษัทฯ ได้ตัดจำหน่ายหนี้สูญไปก่อนหน้านี้แล้วได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสแรกเติบโตอย่างก้าวกระโดด” นายมิทซึจิ กล่าว

ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าว บริษัทฯ เชื่อว่าจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในไตรมาสต่อไปเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าภายในสิ้นเดือนพฤษภาคมยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศไทยจะอยู่ในระดับเกือบ 10,000 คันต่อเดือน ขณะที่สิ้นเดือนสิงหาคมจะอยู่ที่ 10,000 คันต่อเดือน และสิ้นปี 2556 จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 12,000 คันต่อเดือน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างมากในศักยภาพการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา โดยขณะนี้พร้อมเดินหน้าลุยอย่างเต็มที่ หลังจากบริษัทฯ ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท Group Lease Holdings Pte.Ltd. หรือ GLH ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ และ GL ถือหุ้น 100% ทั้งนี้ก็เพื่อใช้เป็นแหล่งเงินทุนในการขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา

“บริษัทฯ เตรียมเดินหน้าในการลุยธุรกิจในประเทศกัมพูชาอย่างเต็มที่ ภายหลังการทดสอบระบบต่างๆเป็นไปอย่างราบรื่น คาดว่าสิ้นเดือนมิถุนายนยอดปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในประเทศกัมพูชาจะอยู่ที่ 1,000 คันต่อเดือน พร้อมทั้งจะเพิ่มเป็น 2,000 คันต่อเดือน ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4/2556 ขณะที่ต้นปี 2557 จะขึ้นไปอยู่ที่ 4,000 คันต่อเดือน อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะมีการบันทึกรายได้ในประเทศกัมพูชาเข้ามาใน GL ตั้งแต่ไตรมาส 3/2556 และจากธุรกิจในประเทศไทยก็มีการขยายตัวได้ดี ทุกอย่างดำเนินไปตามกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ” นายมิทซึจิ กล่าว

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2556 ยังเห็นชอบให้กรรมการบริหาร GL และ GL Finance หรือ GLF เริ่มต้นสะสมหุ้นของบริษัทฯ เพื่อให้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และเป็นการแสดงถึงความมั่นใจต่อศักยภาพการเติบโตของธุรกิจบริษัทฯ ในระยะยาว ขณะที่การเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ของบริษัทฯ จากหุ้นละ 5.00 บาท เป็น 0.50 บาท ขณะนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนการแก้ไขเรื่องดังกล่าว ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2556

ทั้งนี้ ภายหลังการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ ทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ ยังคงจำนวนเท่าเดิม คือ 675 ล้านบาท แต่จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ จะเปลี่ยนแปลงจาก 135 ล้านหุ้นเป็น 1,350 ล้านหุ้น หุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้ว 78.78 ล้านหุ้น จะเป็น 787.81 ล้านหุ้น โดยหุ้นสามัญของบริษัทฯ จะซื้อขายด้วยราคาพาร์ใหม่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2556 และทำให้ราคาใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทหรือ GL-W2 จากเดิมที่ 29.5708 บาทต่อหุ้นเปลี่ยนเป็น 2.95708 บาทต่อหุ้น