23 ธันวาคม 2564 : ผลออกชัด กรุ๊ปลีส ชนะคดีชั้นศาลฎีกา คดีถึงที่สุด

23 ธันวาคม 2564

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2564 ศาลฎีกาสูงสุด ของประเทศไทย มีคำพิพากษาที่เป็น ผลดีแก่ กรุ๊ปลีส โดยศาลได้ปฏิเสธคำขอฎีกาของ JTA ในคดีฟื้นฟูกิจการ ที่ยื่นโดย JTA เดิมทีศาลล้มละลายกลาง ได้มีคำสั่งยกคำร้องของ JTA ที่กล่าวหาว่า กรุ๊ปลีสล้มละลาย และต่อมาศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ก็ได้มีคำสั่งยืนตามศาลล้มละลายกลาง และแม้ว่าจะพ่ายแพ้ ทางกฎหมายถึง 2 ครั้ง แต่ JTA ยังพยายามยื่นฎีกาคำสั่งไปยังศาลฎีกา จนในวันนี้ ศาลฎีกาได้มีคำสั่งว่า คำตัดสินของศาลฎีกานั้น จะไม่แตกต่างจากคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจึงได้ยกคำขอฎีกาของ JTA ดังนั้น คดีจึงถึงที่สุด ทาง JTA จะไม่สามารถยื่นฎีกาได้อีกต่อไป เรารู้สึกยินดีที่เราสามารถ เดินหน้าต่อไปได้ และสามารถแสดงให้เห็นว่า คำกล่าวหาของ JTA ที่กล่าวหาว่า กรุ๊ปลีสล้มละลายนั้น เป็นเรื่องหลอกลวง

นายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “ในขณะที่เรารู้สึกยินดีที่ศาลฎีกาได้ยุติข้อสงสัยในเรื่องที่กรุ๊ปลีสมีสถานะล้มละลาย การต่อสู้และ          การชนะคดีความทางกฎหมายทั้ง 3 ครั้งนั้น มีค่าใช้จ่ายมหาศาล อีกทั้งยังทำให้เราเสียชื่อเสียง อย่างมาก ทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศ เราจึงต้องทำให้มั่นใจว่า JTA จะเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อการกระทำของ JTA และต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อผู้ถือหุ้นของกรุ๊ปลีส

ซึ่งขณะนี้ระบบกฎหมายของไทยได้ยืนยันและทำให้ถึงที่สุดแล้วว่า กรุ๊ปลีสไม่ได้ล้มละลาย และสิ่งที่ JTA กล่าวหานั้น เป็นเรื่องหลอกลวง ซึ่งทำให้ความต้องการของเราที่จะเรียกร้องค่าชดเชยนั้น เพิ่มมากยิ่งขึ้น และเราจะใช้คำพิพากษาของศาลนี้ เป็นหลักฐานเพื่อประโยชน์   ในรูปคดีของเราในคดีเรียกร้องทางแพ่ง ที่กรุ๊ปลีสได้ยื่นฟ้อง JTA ให้ชดใช้เงินจำนวน 9,130 ล้านบาท โดยเป็นค่าเสียหายและค่าใช้จ่ายทางกฎหมาย ที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้กับการดำเนินการทางกฎหมายที่ไม่สุจริตของ JTA ในช่วงวันที่ 20 มีนาคม 2561 ถึงวันที่ 11 กันยายน 2563

 

นอกจากนั้น เรายังจะใช้ผลของศาลฎีกานี้ในการอุทธรณ์ปัจจุบันของเราต่อศาลฎีกา เกี่ยวกับคดีที่เราเคยชนะคดี และได้รับคำพิพากษาให้ได้รับเงินจำนวน 685 ล้านบาท ซึ่งเป็นค่าเสียหาย  จากการที่ JTA กล่าวหาว่ากรุ๊ปลีสล้มละลาย ซึ่งต่อมา ค่าเสียหายจำนวน 685 ล้านบาทนั้น ได้ถูกศาลอุทธรณ์ กลับคำพิพากษาในชั้นอุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม จากความเห็นของศาลฎีกาในวันนี้ เราคาดว่าศาลฎีกา จะพิจารณาให้เป็นคุณต่อรูปคดีของเรา และหวังว่าศาลฎีกาจะเห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลชั้นต้น”