เดือน: มกราคม 2014
บอร์ด GL ไฟเขียวซื้อหุ้นคืน วงเงิน 330 ล้านบาท เหตุราคาต่ำกว่าพื้นฐาน ลั่นรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากกัมพูชา พร้อมรุกตลาดใหม่ในลาว
21 Jan 2014
บอร์ด GL มีมติอนุมัติซื้อหุ้นคืนจากตลาด (Treasury Stock) ในวงเงิน 330 ล้านบาท เหตุราคาหุ้นในปัจจุบันต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างมาก คาดผู้ถือหุ้นไฟเขียวในการประชุมสามัญประจำปี เพราะได้ประโยชน์เต็มที่ ส่วนธุรกิจกัมพูชาเริ่มสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำปีนี้ พร้อมเตรียมรุกเปิดตลาดใหม่ในลาว
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดเผยว่า จากการประชุมบอร์ดในวันที่ 20 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา ที่ประชุมมีมติให้ซื้อหุ้นคืนจากตลาด (Treasury Stock) ในวงเงินไม่เกิน 330 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ณ ปัจจุบัน เนื่องจากในขณะนี้ ราคาหุ้นของ GL ได้ลดลงต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก ประกอบกับบริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินสูง ซึ่งไม่สามารถนำไปปล่อยกู้ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากสภาวะทางการเมืองไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้สามารถนำสภาพคล่องดังกล่าวมาใช้ในโครงการ Treasury Stock ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต ทั้งนี้ มติดังกล่าวจะถูกเสนอเข้าสู่การพิจารณาเพื่อขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นในการประชุมสามัญประจำปี (AGM) ในเดือนเมษายน 2557
“สืบเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในรอบปีที่ผ่านมาชะลอตัวและมีปัญหาขัดแย้งทางการเมือง เป็นสาเหตุให้ลูกค้าชำระเงินล่าช้ากว่ากำหนด และบริษัทฯ เองก็มีการตั้งสำรองในระดับสูง จึงส่งผลทำให้กำไรสุทธิลดลง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ว่าลูกค้าจะเลื่อนการชำระเงิน แต่ทางบริษัทฯ ก็ยังคงมีการติดตามและดูแลอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการตั้งสำรองสูง ก็ถือเป็นการดำเนินนโยบายอย่างรัดกุมเหมาะสมกับสถานการณ์ ซึ่งสามารถตีกลับคืนมาเป็นกำไรได้ในอนาคต หลังจากที่สภาพตลาดกลับสู่ภาวะปกติ” นายมิทซึจิ กล่าว
นายมิทซึจิ กล่าวต่อว่า ราคาหุ้นของบริษัทลดต่ำลงมาก ไม่สอดคล้องกับพื้นฐานการดำเนินธุรกิจ จึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่จะซื้อหุ้นคืน ทั้งนี้ บริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงจากการบริหารงานและกำไรสะสมกว่า 700 ล้านบาท สำหรับเหตุผลหลักในการซื้อหุ้นคืนครั้งนี้ เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (ESP) โดยจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 51,252,155 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 5 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจะไม่มีสิทธิ์ ในการรับเงินปันผล
ในปัจจุบัน ยอดการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าใหม่ในประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 7,000 คันต่อเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 10,000 คัน อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งบั่นทอนอำนาจการซื้อและความมั่นใจของผู้บริโภค โดยนายมิทซึจิ กล่าวว่า หากพิจารณาย้อนหลังกลับไปในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าบริษัทฯ มีการอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยอดการปล่อยสินเชื่อใหม่ 7,000 คันต่อเดือนในปัจจุบันถือว่าเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตัวจาก 3 ปีก่อน โดยในขณะนี้ บริษัทฯ มียอดการปล่อยสินเชื่อรวมในประเทศไทยทั้งหมด 4,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 45% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและพื้นฐานอันแข็งแกร่งของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดสินเชื่อรวมไว้ที่ 5,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้
ในขณะที่การดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชามีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากที่การดำเนินธุรกิจในกรุงพนมเปญต้องชะลอลงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง โดยในขณะนี้ เหตุการณ์ต่างๆ ได้คลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติ จึงทำให้คาดการณ์ได้ว่ายอดการปล่อยสินเชื่อลูกค้าใหม่ต่อเดือนจะสามารถเติบโตจาก 770 คัน เป็น 2,000 คันต่อเดือน ภายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และเพิ่มเป็น 4,000 คันต่อเดือนได้ภายในสิ้นปี 2557 โดยตั้งเป้าสินเชื่อรวมทั้งปีไว้ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นส่วนที่ช่วยผลักดันผลกำไรโดยรวมของบริษัทฯ ในปีนี้ได้
นอกจากนี้ นายมิทซึจิ ยังกล่าวอีกด้วยว่า การดำเนินธุรกิจในประเทศกัมพูชาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ มีอัตรากำไรที่สูงมากในขณะที่ NPL ต่ำ จากยอดสินเชื่อ ณ ปัจจุบันจำนวน 3,000 คัน มี NPL เพียง 12 ราย หรือเพียง 0.4% โดยมีรถที่ถูกโจรกรรมเพียง 10 คัน ซึ่งทำประกันเอาไว้ทั้งสิ้น สำหรับอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ในกัมพูชาสูงประมาณสองเท่าเมื่อเทียบกับในประเทศไทย เนื่องจากมีต้นทุนการบริหารงานที่ต่ำกว่า
ในส่วนของการขยายธุรกิจในอนาคต นายมิทซึจิ กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมรุกเปิดตลาดเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศลาว โดยได้ยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจจากธนาคารแห่งชาติลาว ซึ่งคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตในช่วงไตรมาสที่ 2 และจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในไตรมาสที่ 3 โดยการรุกตลาดใหม่ในลาวนี้ บริษัทฯ ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก บริษัท HONDA NCX ซึ่งเป็นเจ้าของสัมปทาน Honda ใน 3 ประเทศ คือกัมพูชา ลาวและเมียนมาร์ โดยนายมิทซึจิ ได้สำรวจตลาดในลาวแล้ว พบว่ามีศักยภาพในการพัฒนาและขยายตัวได้อย่างดี โดยตลาดในประเทศลาวจะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ ช่วยผลักดันยอดกำไรของบริษัทฯ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป