Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

23 May 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน จับมือกลุ่ม J Trust จากญี่ปุ่น รุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประชากรกว่า 250 ล้านคน หลังกลุ่ม GL ประสบความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจจากประเทศไทยสู่กัมพูชาและ สปป.ลาว โดยสามารถเพิ่มยอดสินเชื่ออย่างมากและผลักดันกำไรสู่นิวไฮอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม GL และ J Trust ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นหลังคณะกรรมการของ GL ลงมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัท J Trust Asia (JTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ J Trust ในประเทศญี่ปุ่น โดยนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ GL ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพชุดแรกมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ JTA เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และ JTA ได้แปลงสภาพทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญของ GL เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

J Trust เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของญี่ปุ่นซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยมีธุรกิจทางการเงินหลายอย่างรวมทั้งเป็นเจ้าของธนาคาร J Trust Bank ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาขา 62 แห่ง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวว่า การผนึกกำลังกับ J Trust ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยธนาคาร J Trust Bank มีใบอนุญาตระดมเงินฝากในอินโดนีเซียจะรับผิดชอบในส่วนของการระดมทุน ขณะที่ฝ่าย GL โดยบริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนในอินโดนีเซียคือบริษัท GLFI มีหน้าที่บริหารจัดการเงินทุนที่ระดมมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยอาศัยเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์ที่ GL พัฒนาขึ้นมาเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า

“นับเป็นความร่วมมือที่สุดยอดระหว่างธนาคารกับบริษัทไฟแนนซ์” นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจง

สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น บริษัทร่วมทุนของ GL คือ GLFI ซึ่ง GL ถือหุ้นอยู่ 65% และ JTA ถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือโดยนักลงทุนท้องถิ่นนั้น จะไม่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากมีการแข่งขันสูง แต่จะเน้นปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ GL ได้ให้บริการสินเชื่อเหล่านี้อยู่แล้วในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยในอินโดนีเซียนั้นมีแผนจะขยายสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอินโดนีเซีย อาทิ การซ่อมแซมบ้าน การปรับปรุงเรือกสวนไร่นาและการสต็อกสินค้า

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้นจะสามารถสร้างอัตรากำไรสูงและคาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยจะนำระบบดิจิตอลไฟแนนซ์มาใช้หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่ง GL คาดว่าตลาดอินโดนีเซียมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมหาศาลหรือใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาประมาณ 10 เท่า เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน โดยขณะนี้กำลังรอใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียและคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 2 นี้

ในขณะเดียวกันประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ J Trust Mr.Nobuyoshi Fujisawa กล่าวแสดงความมั่นใจเช่นเดียวกันว่า ความร่วมมือระหว่าง J Trust กับ GL นั้น จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายในการรุกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียและตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ นอกจากหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ คณะกรรมการ GL ยังได้ลงมติออกใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย โดยแจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 กำหนดระยะเวลา 2 ปี อัตราการแปลงสภาพ 1 วอแรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและ JTA ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิและหุ้นกู้ทั้งหมด GL จะได้เงินทุนใหม่เป็นมูลค่ารวมถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

23 พฤษภาคม 2559 :GL ผนึกกำลัง J Trust รุกตลาดอินโดนีเซีย

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

23 May 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน จับมือกลุ่ม J Trust จากญี่ปุ่น รุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประชากรกว่า 250 ล้านคน หลังกลุ่ม GL ประสบความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจจากประเทศไทยสู่กัมพูชาและ สปป.ลาว โดยสามารถเพิ่มยอดสินเชื่ออย่างมากและผลักดันกำไรสู่นิวไฮอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม GL และ J Trust ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นหลังคณะกรรมการของ GL ลงมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัท J Trust Asia (JTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ J Trust ในประเทศญี่ปุ่น โดยนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ GL ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพชุดแรกมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ JTA เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และ JTA ได้แปลงสภาพทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญของ GL เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

J Trust เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของญี่ปุ่นซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยมีธุรกิจทางการเงินหลายอย่างรวมทั้งเป็นเจ้าของธนาคาร J Trust Bank ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาขา 62 แห่ง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวว่า การผนึกกำลังกับ J Trust ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยธนาคาร J Trust Bank มีใบอนุญาตระดมเงินฝากในอินโดนีเซียจะรับผิดชอบในส่วนของการระดมทุน ขณะที่ฝ่าย GL โดยบริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนในอินโดนีเซียคือบริษัท GLFI มีหน้าที่บริหารจัดการเงินทุนที่ระดมมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยอาศัยเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์ที่ GL พัฒนาขึ้นมาเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า

“นับเป็นความร่วมมือที่สุดยอดระหว่างธนาคารกับบริษัทไฟแนนซ์” นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจง

สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น บริษัทร่วมทุนของ GL คือ GLFI ซึ่ง GL ถือหุ้นอยู่ 65% และ JTA ถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือโดยนักลงทุนท้องถิ่นนั้น จะไม่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากมีการแข่งขันสูง แต่จะเน้นปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ GL ได้ให้บริการสินเชื่อเหล่านี้อยู่แล้วในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยในอินโดนีเซียนั้นมีแผนจะขยายสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอินโดนีเซีย อาทิ การซ่อมแซมบ้าน การปรับปรุงเรือกสวนไร่นาและการสต็อกสินค้า

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้นจะสามารถสร้างอัตรากำไรสูงและคาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยจะนำระบบดิจิตอลไฟแนนซ์มาใช้หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่ง GL คาดว่าตลาดอินโดนีเซียมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมหาศาลหรือใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาประมาณ 10 เท่า เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน โดยขณะนี้กำลังรอใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียและคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 2 นี้

ในขณะเดียวกันประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ J Trust Mr.Nobuyoshi Fujisawa กล่าวแสดงความมั่นใจเช่นเดียวกันว่า ความร่วมมือระหว่าง J Trust กับ GL นั้น จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายในการรุกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียและตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ นอกจากหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ คณะกรรมการ GL ยังได้ลงมติออกใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย โดยแจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 กำหนดระยะเวลา 2 ปี อัตราการแปลงสภาพ 1 วอแรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและ JTA ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิและหุ้นกู้ทั้งหมด GL จะได้เงินทุนใหม่เป็นมูลค่ารวมถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

19 พฤษภาคม 2559 : งานแถลงข่าว ‘การเงินยุคดิจิตอลขับเคลื่อนผลกำไรของ GL ไปสู่ยอดสูงครั้งใหม่’ ซึ่งเป็นผลจากไตรมาสแรกของปี 2559 ได้จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2559

งานแถลงข่าว 'การเงินยุคดิจิตอลขับเคลื่อนผลกำไรของ GL ไปสู่ยอดสูงครั้งใหม่' ซึ่งเป็นผลจากไตรมาสแรกของปี 2559 ได้จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2559

19 May 2016

งานแถลงข่าว ‘การเงินยุคดิจิตอลขับเคลื่อนผลกำไรของ GL ไปสู่ยอดสูงครั้งใหม่’ ซึ่งเป็นผลจากไตรมาสแรกของปี 2559 ได้จัดขึ้นไปเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2559 ที่ห้อง Le Lotus 2 โรงแรม Swissotel Le Concorde

ในวันดังกล่าว ประธานกรรมการบริษัท คุณ Tatsuya NKonoshita ได้กล่าวภาพรวมอนาคตกับผลการเงินของบริษัทโดยคร่าว

สามารถดูวิดีโอได้ตามด้านล่างนี้

เเละวิดีโอในส่วนของ Q&A ตามด้านล่างนี้

และเอกสารสำหรับการประชุมตามไฟล์เเนบด้านล่างนี้

Attachments

  • 20160519-gl-news1-th.pdf (Size: 2,238,318 bytes)
    Categories
    ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

    18 พฤษภาคม 2559 : GL รุกใหญ่ตลาดอาเซียน ออก W-4 และหุ้นกู้ แปลงสภาพราคา 40 บาท คาดระดมทุนใหม่กว่า 1 หมื่นล้านบาท

    GL รุกใหญ่ตลาดอาเซียน ออก W-4 และหุ้นกู้ แปลงสภาพราคา 40 บาท คาดระดมทุนใหม่กว่า 1 หมื่นล้านบาท

    18 May 2016

    คณะกรรมการ บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน มีมติเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2559 ให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (GL W-4) จำนวน 170 ล้านหน่วย โดยออกให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนท์ กำหนดเงื่อนไขการแปลงสภาพ 1 วอแรนท์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาแปลงสภาพ 40 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ พร้อมออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีกไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้กลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่นบริษัท J Trust Asia โดยกำหนดราคาแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ภายใน 5 ปี ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและกลุ่ม J Trust Asia ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมดจะทำให้ GL มีเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อใช้สนับสนุนการรุกธุรกิจครั้งใหญ่ในอาเซียน

    “เราจำเป็นต้องใช้เงินทุนเพื่อขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง เพราะธุรกิจมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วในทุกๆ ตลาดที่ GL ดำเนินธุรกิจอยู่ โดยยังไม่นับรวมถึงตลาดใหม่ๆ ที่เราเตรียมตัวจะรุกเข้าไป ตลอดจนโอกาสในการควบรวมกิจการในภูมิภาคอาเซียน” นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวชี้แจง

    สำหรับจำนวนใบสำคัญแสดงสิทธิ 170 ล้านหน่วย ซึ่งบริษัทฯ มีมติแจกฟรีให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น หากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด ณ ราคา 40 บาทต่อหน่วย ภายในกำหนด 2 ปี บริษัทฯ จะได้เงินทุนก้อนใหม่จำนวนทั้งสิ้น 5,950 ล้านบาท ขณะที่หุ้นกู้แปลงสภาพนั้นออกในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ กำหนดระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% จะเป็นแหล่งเงินทุนใหม่ทันที โดยมติของคณะกรรมการทั้ง 2 เรื่องในครั้งนี้จะนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 24 มิถุนายน 2559 เพื่อขอความเห็นชอบก่อนดำเนินการ

    นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิและสิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยอนุมัติการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 285.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท แบ่งเป็นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 115.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นแปลงสภาพ ซึ่งการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ ดังกล่าวจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติด้วย

    นายมิทซึจิ แสดงความมั่นใจว่า ตลาดกัมพูชายังมีปัจจัยพื้นฐานและศักยภาพขยายตัวได้อีกมาก โดยยอดสินเชื่อปล่อยกู้ในกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 44 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 100 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปีนี้และขยายอย่างก้าวกระโดดอีกเท่าตัวเป็นประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 จึงหมายความว่า เฉพาะจากการเติบโตของธุรกิจในกัมพูชาในปัจจุบันนี้ ก็มีความจำเป็นจะต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐภายใน 2 ปีข้างหน้า โดยกลุ่ม GL จะใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐเป็นหลักในการปล่อยสินเชื่อในกัมพูชา ซึ่งได้ขยายจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในอดีตมาครอบคลุมถึงเครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซลาร์เซลล์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมาธุรกิจในกัมพูชายังได้ขยายไปครอบคลุมถึงกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ที่ GL นำไปปล่อยกู้ในรูปแบบสินเชื่อเช่าซื้อให้กับลูกค้า

    ส่วนเงินทุนก้อนใหม่ ที่ GL จะได้รับการแปลงวอแรนท์ในรูปสกุลเงินบาทนั้น บริษัทฯ จะนำไปใช้สนับสนุนการขยายธุรกิจใน สปป.ลาว และการพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ตลอดจนการขยายธุรกิจของบริษัทธนบรรณ ซึ่งมีแผนงานชัดเจนในการขยายธุรกิจโดยเพิ่มการให้สินเชื่อกับลูกค้าใหม่สำหรับรถมือสอง ตลอดจนการให้สินเชื่อกับเจ้าของรถมอเตอร์ไซต์ปัจจุบันที่ต้องการใช้เงินเร่งด่วน สำหรับเงินสกุลบาทอีกส่วนที่ได้จากแปลงวอแรนท์นั้น จะสำรองเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อสนับสนุนการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคอาเซียน ตลอดจนการควบรวมกิจการต่อไป

    นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร GL กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา GL ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI GLOBAL SMALL CAP INDEXES (GLOBAL STOCK INDEX) ที่จัดทำโดย MSCI หรือ Morgan Stanley Capital International ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นต่างประเทศที่มีชื่อเสียงที่สุดในฐานะเป็นผู้ให้บริการจัดทำดัชนีและเกณฑ์มาตรฐานเพื่อการลงทุนที่เป็นสากล โดยมีกองทุนขนาดใหญ่จำนวนมากที่ใช้ดัชนีดังกล่าวเป็นเกณฑ์มาตรฐานอ้างอิงเพื่อตัดสินใจลงทุน

    “เรามีความยินดีและภูมิใจที่ GL ได้รับคัดเลือกเป็นหลักทรัพย์ในการคำนวณดัชนีที่มีชื่อเสียงของ MSCI ซึ่งสะท้อนถึงพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากมาร์เก็ตแคปหรือมูลค่าตามราคาตลาดของหุ้น GL ที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งการได้รับคัดเลือกในครั้งนี้คาดว่าจะส่งผลดีต่อ GL เป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากกองทุนต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และเพิ่มโอกาสที่มาร์เก็ตแคปจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคต” นายทัตซึยะ กล่าว

    นายทัตซึยะ กล่าวต่อว่า GL ได้ปรับโมเดลธุรกิจใหม่สู่ ‘ดิจิตอลไฟแนนซ์’ ภายใต้รูปแบบ FinTech (Financial Technology) ที่มีการนำระบบไอทีเข้ามาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ อาทิ การเข้าถึงลูกค้าในแต่ละประเทศได้อย่างทั่วถึง การควบคุมต้นทุน ฯลฯ ตลอดจนสร้างความแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในธุรกิจไฟแนนซ์เพื่อรุกขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ ประเทศไทย กัมพูชา สปป.ลาว และอินโดนีเซียรวมถึงประเทศอื่นๆ ในอนาคต นอกจากนี้ การดำเนินธุรกิจเชิงรุกควบคู่กับการควบคุม NPL ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานและกำไรเติบโตอย่างมาก ในช่วงที่ผ่านมา โดย GL ประสบความสำเร็จในการขยายธุรกิจในอาเซียนนับตั้งแต่ปี 2555 หรือ 4 ปีที่ผ่านมาและเมื่อปลายปีที่ผ่านมา GL เป็นหลักทรัพย์ที่เข้าสู่การคำนวณในดัชนี SET 100 ของตลาดหลักทรัพย์ฯ และทำให้มาร์เก็ตแคปเพิ่มสูงขึ้นเป็น 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 42,549 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ความสำเร็จของ GL ยังรวมถึงการทำกำไรสุทธิที่เป็นสถิติใหม่สูงสุดติดต่อกัน 6 ไตรมาส นับจากไตรมาส 3/57 ถึงไตรมาส 1/59 ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2559 คาดว่าจะมีผลกำไรเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายพอร์ตสินเชื่อในไทย กัมพูชา สปป.ลาว และการรุกตลาดอินโดนีเซียที่อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตประกอบกิจการ ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 10 เท่า จากจำนวนประชากรที่มีถึง 250 ล้านคน

    โดย ณ สิ้นปีที่ผ่านมา GL มีพอร์ตสินเชื่อในไทยและต่างประเทศรวม 9,147 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นประเทศไทยกว่า 40% กัมพูชาประมาณ 25% สิงคโปร์ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งส์ 30% และส่วนที่เหลือมาจาก สปป.ลาว ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อรวมเติบโตขึ้น 30-40% จากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะที่กัมพูชาคาดว่าในปีนี้พอร์ตสินเชื่อจะเติบโตเป็น 2 เท่าและ สปป.ลาวคาดว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 3-5 เท่า จากความต้องการสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA และแผงโซลาร์เซลล์ที่ขยายตัวอย่างมาก

    “เรามั่นใจว่าจะทำผลการดำเนินงานในปีนี้เติบโตได้ก้าวกระโดด และถึงแม้พอร์ตสินเชื่อของเราจะขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ยังมุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่ออย่างระมัดระวัง โดยที่กัมพูชามีสัดส่วน NPL ณ สิ้นไตรมาสแรกที่ผ่านมาต่ำกว่า 2% ส่วนในไทยมีสัดส่วน NPL 6.5% และตั้งเป้าลดลงเหลือ 5% ภายในปีนี้” นายทัตซึยะ กล่าว

    Categories
    ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

    17 พฤษภาคม 2559 : การเพิ่มทุน การออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 8 (GL-W4) หุ้นกู้แปลงสภาพและกำหนดประชุมวิสามัญ ผถห.ครั้งที่ 1/2559-แก้ไข

    Categories
    ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

    17 พฤษภาคม 2559 : การเพิ่มทุน การออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ครั้งที่ 8 (GL-W4) หุ้นกู้แปลงสภาพและกำหนดประชุมวิสามัญ ผถห.ครั้งที่ 1/2559

    Categories
    ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

    13 พฤษภาคม 2559 : กำไร Q1 GL พุ่งกว่า 100% ทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6

    กำไร Q1 GL พุ่งกว่า 100% ทำนิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6

    13 May 2016

    บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1 ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 222.17 ล้านบาท พุ่งขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 6 นับตั้งแต่สิ้นปี 2557

    นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวชี้แจงว่า ผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดเดือนมีนาคมปีนี้ สะท้อนถึงพัฒนาการของธุรกิจในทุกกลุ่มซึ่งรวมถึงธุรกิจหลักของบริษัทแม่ในประเทศไทยและธุรกิจในเครือในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด โดยปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ยอดกำไรพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ประกอบด้วย ยอดปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจในกัมพูชาและ สปป.ลาว รวมถึงคุณภาพสินทรัพย์โดยรวมที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้การตั้งสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญลดต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ

    นายทัตซึยะ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผลการดำเนินงานในประเทศไทยมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ในขณะที่รายได้อื่นๆ ซึ่งประกอบด้วย การปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ในกัมพูชา ซึ่งเป็นบริษัท SMEs ที่จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL อาทิ รถจักรยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยบันทึกเป็นผลกำไรของบริษัท GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ประเทศสิงคโปร์ ส่วนธุรกิจใหม่ใน สปป.ลาว ก็เริ่มมีกำไรในไตรมาสนี้

    นายทัตซึยะกล่าวชมเชยผู้บริหารของบริษัทแม่ในประเทศไทย ที่บริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยคุณภาพสินทรัพย์ของพอร์ตสินเชื่อในประเทศไทยมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ระดับหนี้ NPL ปรับลดลงจากมากกว่า 10% เมื่อต้นปีที่แล้ว ลงมาเหลือเพียง 6.5% ในปัจจุบัน

    ทั้งนี้ ในรายงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเช้าวันที่ 13 พฤษภาคม บริษัทฯ ชี้แจงว่ารายได้จากดอกผลเช่าซื้อในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 1.47 ล้านบาท เป็น 484.70 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากรายได้ของบริษัทย่อยในกัมพูชาและ สปป.ลาว จำนวน 80.77 ล้านบาท และ 16.04 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม รายได้จากดอกผลเช่าซื้อของบริษัทแม่ในประเทศไทยและธนบรรณลดลงจำนวน 50.33 ล้านบาท และ 45.01 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการมุ่งเน้นขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียที่มีศักยภาพการเติบโตสูงกว่าและมีอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระดับต่ำ

    ในรายงานที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทฯ ยังได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่ารายได้อื่นๆ ในงบการเงินรวมเพิ่มขึ้นอย่างมากจาก 89.70 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีที่แล้ว เป็น 173.49 ล้านบาทในไตรมาส 1 ปีนี้ โดยเพิ่มขึ้น 83.80 ล้านบาท หรือคิดเป็น 93.42% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้ดอกผลจากการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ากลุ่มใหม่ในประเทศกัมพูชา ที่เป็นผู้ประกอบการ SMEs จำหน่ายสินค้าต่างๆ ให้กับลูกค้าสินเชื่อเช่าซื้อของ GL

    นอกจากนั้น กำไรสุทธิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากยังสะท้อนถึงการตั้งสำรองเผื่อหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่ปรับลดต่ำลง ซึ่งสอดคล้องกับคุณภาพของสินทรัพย์ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ปรับดีขึ้นตามภาวการณ์ฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ในขณะที่ผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขายได้ปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ จาก 107.10 ล้านบาท เป็น 57.25 ล้านบาท โดยลดลง 49.85 ล้านบาท หรือคิดเป็น 46.54% ซึ่งเป็นผลจากการที่ราคาตลาดรถมอเตอร์ไซค์มือสองปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและปริมาณสินทรัพย์รอการขายเพิ่มขึ้นจากการขยายสินเชื่อ นอกจากนี้ บริษัทฯ ย่อยในต่างประเทศมีอัตราการค้างชำระที่ต่ำมากจากคุณภาพหนี้ที่ดี ส่งผลให้ไม่มีผลขาดทุนจากการจำหน่ายสินทรัพย์รอการขาย

    Categories
    ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

    12 พฤษภาคม 2559 : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ไตรมาสที่ 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2559

    Categories
    ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

    12 พฤษภาคม 2559 : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย ไตรมาสที่ 1 (F45-3)

    Categories
    ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

    12 พฤษภาคม 2559 : งบการเงินไตรมาสที่ 1/2559