Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

13 ตุลาคม 2559 : GL ผนึกพันธมิตรใหม่รุกใหญ่ตลาดสินเชื่อเมียนมาร์

GL ผนึกพันธมิตรใหม่รุกใหญ่ตลาดสินเชื่อเมียนมาร์

13 Oct 2016

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ (1.) (กลาง) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน และนายออง โม จอ (2.) (ที่ 2 จากขวา) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี่ ไฟแนนซ์ จำกัด ผู้ประกอบธุรกิจไฟแนนซ์ชั้นนำในประเทศเมียนมาร์ ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในการรุกขยายธุรกิจให้บริการสินเชื่อประเภทต่างๆ อย่างเต็มที่ทั่วประเทศเมียนมาร์ โดย GL จะถือหุ้น 57% และกลุ่มทุนท้องถิ่นนำโดย นายออง โม จอ (AMK Consortium) ถือหุ้น 43% โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปีหน้า

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

13 ตุลาคม 2559 : กราบแทบฝ่าพระบาทส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยดวงใจแห่งความจงรักภักดี

กราบแทบฝ่าพระบาทส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และร่วมถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ด้วยดวงใจแห่งความจงรักภักดี

13 Oct 2016

ข้าพระพุทธเจ้า นายโคโนชิตะ มิทซึจิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัทกรุ๊ปลีสจำกัด(มหาชน) รู้สึกเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้รับทราบประกาศจากสำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่มากและได้ครองราชสมบัติปกครองประเทศมานานกว่า 70 ปี พระองค์ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ และในครั้งนี้ได้ยังมาซึ่งความโศกเศร้าแก่พสกนิกร ชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับกลุ่มบริษัทของเราที่ดำเนินกิจการในราชอาณาจักรไทยเป็นฐานที่ตั้ง ข้าพระพุทธเจ้าและกลุ่มบริษัทฯ ขอถวายความอาลัยสูงสุดด้วยความโทมนัสอย่างยิ่ง

ในส่วนตัวของข้าพระพุทธเจ้าได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างล้นพ้นให้ดำเนินธุรกิจในราชอาณาจักรไทยมา กว่า19ปี การเสด็จจากไปของพระองค์ในครั้งนี้นำมาซึ่งความโศกศร้าให้กับพวกเราเป็นอย่างมาก

โดยส่วนตัวของข้าพระพุทธเจ้าและกลุ่มบริษัทของพวกเรา ขอให้คำมั่นว่าจะพัฒนากิจการให้เจริญเติบโตเจริญก้าวหน้าเพื่อตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่มีแก่พวกเรา ข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าฯส่งเสด็จพระองค์ สู่สวรรคาลัย

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะฯ
นายโคโนชิตะ มิทซึจิ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
คณะกรรมการบริหาร และพนักงาน บริษัทกรุ๊ปลีสจำกัด(มหาชน)

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

03 ตุลาคม 2559 : GL เข้าถือหุ้น 29.99% บริษัทไฟแนนซ์ในศรีลังกา

ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

03 Oct 2016

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ (1.) (ที่ 2จากซ้าย) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน และนายโรชาน เอส เอโกดาจ (2.) (ที่2จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Commercial Credit and Finance PLC หรือ CCF ผู้ประกอบธุรกิจไฟแนนซ์ชั้นนำในประเทศศรีลังกา เปิดแผนงานการรุกขยายธุรกิจออกนอกกลุ่มประเทศอาเซียนสู่เอเชียใต้ โดย GL เข้าถือหุ้น 29.99% ใน CCF เพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียใต้และผนึกความร่วมมือกันเตรียมขยายตลาดครั้งใหญ่ ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์สู่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในระดับรากหญ้าในกลุ่มประเทศ CLMV+I

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

03 ตุลาคม 2559 : GL เทค 29.99% ในบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำศรีลังกา คาดบุ๊คกำไรทันที 7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

GL เทค 29.99% ในบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำศรีลังกา คาดบุ๊คกำไรทันที 7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

03 Oct 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประกาศศักดารุกขยายธุรกิจออกนอกกลุ่มประเทศอาเซียนสู่เอเชียใต้ เข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางศรีลังกาและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โคลัมโบ ผนึกกำลังเตรียมขยายตลาดครั้งใหญ่ จากเดิมที่ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อสำหรับการอุปโภคบริโภค ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์สู่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในระดับรากหญ้าในกลุ่มประเทศ CLMV+I (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ เวียดนามและอินโดนีเซีย)

นายมิทซิจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวชี้แจงว่า การเข้าถือหุ้น 29.99% ใน CCF ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการกระชับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างทั้ง 2 กลุ่ม โดยจะผสมผสานแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูงของ GL กับโมเดลธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งของ CCF ในการขยายธุรกิจสู่ตลาดทุกแห่งที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยนายมิทซึจิคาดว่าการเข้าถือหุ้นใน CCF ครั้งนี้จะสร้างผลกำไรต่อ GL ทันที เริ่มตั้งแต่ ไตรมาส 4 นี้ โดยประมาณการว่า GL จะสามารถบันทึกกำไรประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า GL ยังมีโอกาสซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออีก 70% ใน CCF หากผู้ถือหุ้นปัจจุบันต้องการขายหุ้นในอนาคตภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ซึ่งให้สิทธิ์ลำดับแรกสำหรับ GL ที่ระบุไว้ในสัญญาผู้ถือหุ้นระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย

การเข้าถือหุ้นใน CCF ซึ่งกลุ่ม GL ใช้เงินลงทุน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,500 ล้านบาท) ในครั้งนี้ ถือเป็นการรุกขยายธุรกิจครั้งใหญ่นอกกลุ่มประเทศอาเซียน โดยแต่เดิม GL ได้ขยายจากฐานธุรกิจในประเทศไทยสู่ประเทศข้างเคียง อาทิ กัมพูชา สปป.ลาว อินโดนีเซีย และล่าสุดเมียนมาร์ โดยประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งในประเทศกัมพูชา ซึ่งสามารถสร้างผลกำไรได้มากกว่าผลกำไรจากธุรกิจในประเทศไทย

ควบคู่กับการเข้าถือหุ้น CCF ในครั้งนี้ GLH ยังได้เพิ่มสัดส่วนการเข้าถือหุ้นในบริษัท BG Microfinance Myanmar Co Ltd (BGMM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ CCF ที่ดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ จากเดิม 71.9% เป็น 100% โดยซื้อหุ้นเพิ่มส่วนที่เหลืออีก 28.1% จาก CCF อีกด้วย

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจง ในงานแถลงข่าวหลังจากพิธีลงนามการซื้อขายหุ้นกับ CCF ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2559 ว่า การเข้าถือหุ้นใน CCF ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของกลุ่ม GL โดยรวมทันที เนื่องจากส่วนแบ่งกำไรจาก CCF จะถูกบันทึกตั้งแต่ในไตรมาส 4/59 นี้ โดย CCF เป็นบริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใน ศรีลังกา ที่มีผลกำไรดีและมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นบริษัทที่มีประสิทธิภาพและมาตรฐานในการบริหารจัดการในธุรกิจ ไมโครไฟแนนซ์ โดย CCF มีฐานสินทรัพย์ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งใกล้เคียงกับฐานสินทรัพย์ประมาณ 450 ล้านเหรียญสหรัฐของ GL แต่มูลค่าตลาดของ GL สูงกว่า CCF เป็นอย่างมาก เนื่องจากความแข็งแกร่งและขนาดที่ใหญ่กว่าของตลาดหุ้นไทยเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นของศรีลังกาที่มีขนาดเล็กกว่าเป็นอย่างมาก สำหรับประมาณการกำไรสุทธิของ CCF ในปีนี้อยู่ที่ 22 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายมิทซึจิ กล่าวว่า GL จะส่งตัวแทนเข้าไปร่วมในบอร์ดของ CCF แต่จะให้คณะผู้บริหารชุดปัจจุบันมีอิสระในการบริหารต่ออย่างเต็มที่ เนื่องจากผู้บริหารชุดปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงมาก “CCF เป็นบริษัทที่มีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน โดยมีการบริหารดีเยี่ยม ทางฝ่ายเราอาจจะช่วยเสริมด้วยธุรกิจเพิ่มเติมอย่างเช่น e-payment, e-commerce และประกันภัย”

สำหรับสัญญาการซื้อขายหุ้นในครั้งนี้ ถือว่ามีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2559 โดยต้องผ่านความเห็นชอบจากหน่วยงานกำกับหลักทรัพย์ของทั้ง 2 ประเทศ การประชุมผู้ถือหุ้นวิสามัญของทั้ง 2 ฝ่ายและรายงานความถูกต้องของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ โดยนายมิทซึจิ แสดงความมั่นใจว่า ข้อตกลงระหว่าง GL กับ CCF จะเป็นความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ทั้ง 2 ฝ่าย

“แพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของเราจะเข้าไปช่วยเสริมศักยภาพความชำนาญ และโนฮาวด้านไมโครไฟแนนซ์ ของ CCF และในขณะเดียวกัน CCF ก็มีความจำเป็นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งฝ่ายเราสามารถตอบสนองได้เป็นอย่างดี ด้วยขีดความสามารถของเราในการระดมทุนจากตลาดเงินทั่วโลก” นายมิทซึจิ กล่าว

นายมิทซึจิ กล่าวสรุปว่า การผนึกกำลังกับ CCF ครั้งนี้ จะส่งผลอย่างดียิ่งต่อรายได้และผลกำไรของ GL ในอนาคต เนื่องจากโมเดล group finance ซึ่งได้รับการพัฒนามาอย่างสมบูรณ์แบบในถิ่นกำเนิดไมโครไฟแนนซ์ในประเทศศรีลังกาและบังคลาเทศ จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพของ GL ต่อการขยายตลาด จากตลาดเช่าซื้อและสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภคเดิมไปสู่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มากในภูมิภาคแถบนี้

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

27 กันยายน 2559 : ธุรกิจใหม่ในประเทศกัมพูชา ~ ความร่วมมือกับทรูมันนี่

ธุรกิจใหม่ในประเทศกัมพูชา ~ ความร่วมมือกับทรูมันนี่

27 Sep 2016

 

 

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

13 ตุลาคม 2559 : GL รุกใหญ่ตลาดสินเชื่อเมียนมาร์ จับมือกลุ่ม Century Finance และ Myanmar Distillery

GL รุกใหญ่ตลาดสินเชื่อเมียนมาร์ จับมือกลุ่ม Century Finance และ Myanmar Distillery

13 Oct 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประกาศรุกใหญ่ตลาดสินเชื่อในเมียนมาร์ ร่วมมือพันธมิตรกลุ่มใหม่นำโดยนักธุรกิจชั้นนำนาย Aung Moe Kyaw ซึ่งเป็นประธานบริษัท Myanmar Distillery และกรรมการผู้จัดการบริษัท Century Finance โดยจัดตั้งบริษัทร่วมทุนระหว่าง GL ถือหุ้น 57% กับกลุ่มนักลงทุนท้องถิ่นนำโดยนาย Aung Moe Kyaw (AMK Consortium ) ถือหุ้น 43% เตรียมรุกใหญ่สินเชื่อประเภทต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมาร์ซึ่งกำลังบูมสุดขีด โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนใหม่จะก่อตั้งแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นปีนี้หรือต้นปี 2560

“ผมมีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือกับ U Aung Moe Kyaw และหุ้นส่วนรายอื่นในครั้งนี้ เนื่องจากว่าเป็นความร่วมมือที่วิน-วินสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย โดยฝ่าย GL จะใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญและประสิทธิภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ ผสมผสานกับเครือข่ายกว้างขวางทั่วประเทศเมียนมาร์ของ U Aung Moe Kyaw ในการให้บริการสินเชื่อต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนชาวเมียนมาร์โดยเฉพาะประชาชนระดับรากหญ้าในพื้นที่ห่างไกลทั่วประเทศ” นายมิทซิจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวในพิธีลงนามเอ็มโอยูกับนาย Aung Moe Kyaw ที่กรุงเทพมหานครเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559

จากข้อมูลในหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเช้าวันเดียวกันระบุว่ากลุ่ม AMK Consortium มีส่วนแบ่งตลาด 65% ของการจัดจำหน่ายสุราในประเทศเมียนมาร์ผ่านร้านค้าของชำกว่า 22,000 ร้านทั่วประเทศ ซึ่งในจำนวนร้านขายของชำเหล่านี้ ประกอบด้วยร้านขายส่งประมาณ 1,400 แห่ง ซึ่งทำธุรกิจคล้ายกับโรงรับจำนำ โดยเครือข่ายกระจายสินค้าเหล่านี้ถือว่าเป็นเครือข่ายที่ใหญ่และครอบคลุมที่สุดในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งจะสอดรับกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL ได้อย่างดียิ่ง

นายมิทซิจิ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จในความร่วมมือระหว่าง GL กับเครือข่ายเอเย่นต์ของ True Money ในประเทศกัมพูชา บ่งชี้ชัดเจนว่าโมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL จะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ 100% จากเครือข่ายตัวแทนร้านขายของชำของกลุ่ม AMK Consortium เช่นกัน ดังนั้นโมเดลธุรกิจในประเทศเมียนมาร์ก็จะเป็นการผสมผสานระหว่างโมเดล ‘Channeling Services’ ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง GL มีบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธนาคาร J TRUST โดยบริษัทร่วมทุนมีหน้าที่แสวงหาและบริหารจัดการลูกค้าสินเชื่อและส่งต่อให้ฝ่ายธนาคารเป็นผู้ปล่อยกู้ ในขณะที่โมเดล ‘Agent’ ในกัมพูชานั้นมีเครือข่ายตัวแทนของ True Money ซึ่งกระจายอยู่ทั่วประเทศ ทำหน้าที่การตลาดคัดสรรลูกค้าสินเชื่อให้กับ GL

“โมเดลธุรกิจเหล่านี้ถือว่าค่อนข้างใหม่ มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองและต้องใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เมื่อผสมผสานกันทั้งหมดแล้ว เราก็สามารถปล่อยสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอันจะเป็นประโยชน์กับชาวเมียนมาร์” นายมิทซึจิ กล่าว

สำหรับบริษัท Century Finance เป็นหนึ่งในไฟแนนซ์ 15 แห่ง ที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางของเมียนมาร์ โดยปัจจุบันให้บริการเช่าซื้อรถยนต์เป็นหลัก แต่หลังจากการผนึกกำลังกับ GL ในครั้งนี้ ขอบข่ายบริการด้านการเงินจะขยายไปสู่การให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์และสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคประเภทอื่นๆ โดยผ่านระบบ ‘Channeling Services’ ซึ่งบริหารจัดการโดยบริษัทฯ ร่วมทุนแห่งใหม่ระหว่าง GL กับกลุ่ม AMK Consortium

การประกาศรุกใหญ่ในประเทศเมียนมาร์ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ GL ได้ซื้อกิจการธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ของบริษัท BG Myanmar Microfinance (BGMM) เมื่อเร็วๆ นี้ โดยหลังจากการผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่กลุ่มล่าสุดนี้ ส่งผลให้ GL สามารถให้บริการสินเชื่อในตลาดได้ทุกกลุ่มเป้าหมายและทุกระดับ ตั้งแต่สินเชื่อไมโครไฟแนนซ์รายย่อยผ่านบริษัท BGMM ถึงสินเชื่อที่มีมูลค่าสูง อาทิ เครื่องเกี่ยวข้าว ผ่านบริษัท Century Finance

ทั้งนี้ การรุกใหญ่ในตลาดเมียนมาร์ครั้งนี้ประจวบเหมาะกับเป็นจังหวะที่เศรษฐกิจในประเทศกำลังบูมสุดขีดหลังจากการยกเลิกมาตรการแซงชั่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐ เนื่องจากมีการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่และถือว่าเป็นการขยายตลาดครั้งสำคัญของ GL หลังจากที่ได้ประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้จากการขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้านในกัมพูชา สปป.ลาว อินโดนีเซียและศรีลังกา โดยความสำเร็จเหล่านี้ได้สะท้อนในรายได้และผลกำไรของบริษัทฯ ซึ่งปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องดังเห็นได้จากกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปีนี้ที่พุ่งขึ้นถึง 255.85 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วและนับเป็นการทำสถิตินิวไฮต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 7 โดยผู้บริหารของบริษัทฯ ได้กล่าวแสดงความมั่นใจว่าผลกำไรจะเดินหน้าสร้างสถิติสูงสุดใหม่ในอนาคต

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 กันยายน 2559 : GL รุกใหญ่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์

ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 Sep 2016

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ (1.) (ที่ 2จากซ้าย) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน และนายโรชาน เอส เอโกดาจ (2.) (ที่2จากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเมอร์เชียล เครดิต แอนด์ ไฟแนนซ์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ BG International Private Ltd., ร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงให้ GL เข้าตรวจสอบสถานะกิจการ BG Microfinance Myanmar Co., Ltd (BGMM) ที่ดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ เพื่อเข้าซื้อหุ้น BGMM ในสัดส่วน 71.9% ของหุ้นทั้งหมด จาก BG International Private Ltd., และร่วมกันเป็นหุ้นส่วนพันธมิตร รุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์พร้อมทั้งขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 กันยายน 2559 : พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและการแถลงข่าว ของ บริษัทกรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) วันที่ 7 กันยายน 2559

พิธีลงนามบันทึกความเข้าใจและการแถลงข่าว ของ บริษัทกรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) วันที่ 7 กันยายน 2559

07 Sep 2016

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 กันยายน 2559 : GL จับมือพันธมิตรใหม่จากศรีลังกา รุกใหญ่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์

GL จับมือพันธมิตรใหม่จากศรีลังกา รุกใหญ่ตลาดไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์

07 Sep 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน ประกาศเทคโอเวอร์กิจการไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์จากเจ้าของเดิม ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในศรีลังกา โดยผนึกกำลังกับเจ้าของเดิมรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์อย่างเต็มสูบในเมียนมาร์พร้อมเตรียมใช้ระบบไมโครไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง ขยายสู่ตลาดอื่นในภูมิภาคอาเซียนซึ่ง GL ดำเนินธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภค (Consumer Finance) อยู่แล้ว โดยเฉพาะตลาดอินโดนีเซียซึ่งมีศักยภาพการขยายตัวสูงมาก

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียน แถลงว่า GL Holdings (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ ได้ลงนามในบันทึกช่วยจำ (MOU) เพื่อซื้อหุ้น 71.9% ของบริษัท BG Microfinance Myanmar Co., Ltd (BGMM) ซึ่งมีใบอนุญาตถาวรในการดำเนินธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และได้ประกอบกิจการมาแล้ว 2 ปี โดยซื้อหุ้นดังกล่าวจากบริษัท BG International Private Ltd., ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำยักษ์ใหญ่ธุรกิจไมโครแนนซ์ในประเทศศรีลังกา ชื่อบริษัท Commercial Credit โดยบริษัท Commercial Credit นี้ เป็นบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา ซึ่งประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจและมีชื่อเสียงที่ดีมาก โดยบริษัทฯ ดังกล่าวยังคงเป็นผู้ถือหุ้นที่เหลืออีก 28.1% ใน BGMM ที่เมียนมาร์ต่อไปและได้กลายเป็นหุ้นส่วนพันธมิตรกับ GL

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงและมีมาตรฐานการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ซึ่งเราสามารถผสมผสานกับแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL ในการรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์และประเทศอื่นที่เราได้ขยายเข้าไปดำเนินธุรกิจแล้วโดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีศักยภาพการขยายตลาดได้อย่างมาก” นายมิทซึจิ กล่าว

การเทคโอเวอร์ครั้งนี้คาดว่าจะมีผลในอนาคตอันใกล้นี้ หลังจากที่ฝ่าย GL ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะกิจการของ BGMM (Due Diligence) โดยนายมิทซึจิคาดว่าจะสามารถเริ่มบุ๊คกำไรจากธุรกิจใหม่ในเมียนมาร์ ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปีนี้

ทั้งนี้ เมียนมาร์นับเป็นประเทศที่ 5 ในเครือข่ายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนของ GL โดย GL ได้เริ่มขยายจากธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย สู่ประเทศข้างเคียงคือกัมพูชา สปป.ลาว และอินโดนีเซีย โดยได้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ต้นทุนต่ำและขณะเดียวกันก็ขยายธุรกิจเช่าซื้อไปครอบคลุมสินค้าและบริการอื่นๆ อาทิ เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA แผงโซล่าร์เซลล์ PANASONIC และประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ โดยบริษัทฯ ได้รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 255.85 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติการณ์และกำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 487 ล้านบาท

โดยการเทคโอเวอร์รายล่าสุดในเมียนมาร์ครั้งนี้ จะมีนัยสำคัญต่อผลกำไรของกลุ่ม GL ในอนาคตระยะยาว ถึงแม้ว่าในขณะนี้บริษัท BGMM ยังมีขนาดเล็กอยู่ แต่ก็มีกำไรที่ดีโดยสามารถทำกำไรได้เดือนละ 20,000 เหรียญสหรัฐ และมีจำนวนลูกค้าทั้งหมด 9,800 คน โดยมียอดสินเชื่อรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในรูปของเงินกู้ที่ปล่อยกู้เป็นกลุ่ม มีลูกหนี้กลุ่มละ 5 คน ซึ่งแต่ละคนจะกู้เป็นเงิน 200 เหรียญสหรัฐ เพื่อซื้อรถจักรยานยนต์มือสองหรือเครื่องใช้ส่วนตัวอย่างอื่น โดยที่ลูกหนี้ในแต่ละกลุ่มจะรับผิดชอบซึ่งกันและกัน ส่วนเงินกู้มีระยะเวลาทั้งสิ้น 50 สัปดาห์ กำหนดชำระคืนทุกสัปดาห์ โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นสตรีแม่บ้านที่เป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในพื้นที่ชนบททั่วไป ซึ่งเป็นจุดแข็งของระบบการบริหารจัดการไมโครไฟแนนซ์ของกลุ่มพันธมิตรใหม่ของ GL

นายมิทซึจิกล่าวชี้แจงว่า อันที่จริงแล้วบริษัท BGMM สามารถที่จะขยายยอดสินเชื่อได้อย่างมาก แต่ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดในการส่งเงินออกจากประเทศศรีลังกา แต่ปัญหาดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากการเทคโอเวอร์โดย GL พร้อมอัดฉีดเม็ดเงินใหม่จำนวน 6.8 ล้านเหรียญสหรัฐในทันที เพื่อขยายสาขาจากปัจจุบันซึ่งมีอยู่ 3 สาขา (2 สาขาในกรุงย่างกุ้งและอีก 1 สาขาในเมือง BAGO) ให้ครอบคลุมอีก 12 จังหวัดในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศเมียนมาร์ โดยนายมิทซึจิคาดว่ายอดปล่อยสินเชื่อทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเป็น 30-40 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปีหน้าและกำไรต่อเดือนคาดว่าจะพุ่งขึ้นถึง 10 เท่า หรือเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 200,000 เหรียญสหรัฐต่อเดือน

นายมิทซึจิกล่าวทิ้งท้ายว่า การผนึกกำลังความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของ GL ซึ่งมีจุดเด่นทางด้านแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ ผนวกกับโมเดลการปล่อยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์เป็นรายกลุ่ม (Group Finance) ของกลุ่มบริษัท Commercial Credit จะสามารถสร้าง Synergy ที่ช่วยผลักดันการขยายธุรกิจของ GL ได้อย่างรวดเร็วในอนาคต

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

29 สิงหาคม 2559 : GL จับมือ True Money รุกใหญ่ตลาดกัมพูชา

GL จับมือ True Money รุกใหญ่ตลาดกัมพูชา

29 Aug 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประกาศความร่วมมือกับ True Money ในกัมพูชาซึ่งเป็นบริษัทย่อยค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากประเทศไทย รุกขยายตลาดเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลเกษตรและแผงโซล่าร์เซลล์ในกัมพูชา โดยอาศัยเครือข่าย True Money Shop ประมาณ 5,000 แห่ง ที่กระจายทั่วประเทศ เป็นเอเย่นต์ขายบริการเช่าซื้อธุรกิจประเภทต่างๆ คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้เป็นต้นไป

บริษัทย่อยของกลุ่ม GL ในประเทศกัมพูชาหรือ GL Finance (GLF) ในปัจจุบันดำเนินธุรกิจผ่านจุดบริการขาย (Point of Sales) หรือ POS ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศประมาณ 240 แห่ง “ผลจากข้อตกลงความร่วมมือกับ True Money ครั้งนี้ จะทำให้เอเย่นต์ของ True Money Shop ประมาณ 5,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศกัมพูชา ทำหน้าที่ควบคู่กันไปในการเป็นตัวแทนขายสินค้าและบริการต่างๆ ของเราด้วย ซึ่งหมายความว่าขีดความสามารถด้านการตลาดและการขายของเราจะเพิ่มขึ้นทันทีอย่างมหาศาล แต่ค่าใช้จ่ายประจำของเรายังอยู่คงที่ โดยร้านค้าย่อยของ True Money เหล่านี้ครอบคลุมไปถึงหมู่บ้านและชุมชนห่างไกล ซึ่งจะส่งผลให้ GLF สามารถขยายการขายและบริการไปยังพื้นที่เหล่านี้” นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวชี้แจง

ทั้งนี้ หลังจากที่ขยับขยายจากฐานในประเทศไทยไปสู่กัมพูชาในหลายปีที่ผ่านมา ผลประกอบการในกัมพูชานั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยเห็นได้จากกำไรสุทธิของ GL ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้รวมทั้งสิ้น 255.85 ล้านบาท ประกอบด้วย ประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรจากธุรกิจในกัมพูชา ที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรเพียง 40 ล้านบาท

นายทัตซึยะกล่าวคาดการณ์ว่า การขยายเครือข่ายตัวแทนขายสินค้าและบริการของ GLF ผ่านเครือข่าย True Money ในครั้งนี้ จะมีนัยสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเพิ่มยอดขาย รายได้และกำไร โดยคาดว่าจำนวนผู้ขอเงินกู้ใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้และภายในปีหน้ายอดรวมจำนวนผู้ขอเงินกู้ใหม่ทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยแบ่งเป็นประมาณครึ่งๆ ระหว่าง POS ของ GLF และเครือข่ายเอเย่นต์ของ True Money

ในขณะเดียวกัน นายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GLF กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ความร่วมมือกับ True Money ในครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย “ผมเชื่อมั่นว่าการเอื้อประโยชน์ต่อกันและกันในการให้บริการกับลูกค้าของเราทั้ง 2 ฝ่าย จะเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตลาดอย่างสัมฤทธิ์ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับ GLF ในการเพิ่มลูกค้าจำนวนมากผ่านพนักงานขายของ True Money ซึ่งเขาจะได้รับผลตอบแทนในรูปคอมมิชชั่นและในขณะเดียวกันก็จะส่งผลดีต่อการเพิ่มธุรกิจการโอนเงินผ่านระบบของ True Money ด้วย”

นายริกิ อิชิกามิ ได้ลงนามในเอ็มโอยูกับกรรมการผู้จัดการของ True Money (Cambodia) Limited Mr. Kong Mean ที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยข้อตกลงความร่วมมือใหม่ในครั้งนี้ จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงความร่วมมือในครั้งนี้ระบุว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ GLF คือชาวบ้านที่เป็นชุมชนระดับรากหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารและถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับลูกค้าของ True Money ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะเสริมและเอื้อประโยชน์ให้กับ GLF True Money และพนักงานขายของ True Money รวมถึงจะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตก้าวหน้าอย่างมั่นคง

ด้านนายทัตซึยะกล่าวชี้แจงว่า พนักงานของ True Money จะยังคงทำหน้าที่ด้านการชำระเงินผ่านมือถือตามเดิม แต่จะเพิ่มบทบาทใหม่ในฐานะเป็นตัวแทนขายของ GLF โดยพนักงานจะโหลดแอพพลิเคชั่นดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GLF ลงในมือถือของตนเองและ Input ข้อมูลต่างๆ ของผู้ขอเงินกู้ พร้อมทั้งส่งข้อมูลเหล่านั้นมาที่ POS ของ GLF หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของ POS จะออกไปทำการประเมินคำขอเงินกู้ของลูกค้าก่อนให้การอนุมัติ

นายทัตซึยะกล่าวเสริมว่า ทางฝ่าย GLF จะสามารถใช้ประโยชน์จากพนักงานฝ่ายสินเชื่อของตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละคนจะออกไปประเมินลูกค้าได้วันละ 2-3 ราย นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีกหลายเท่า เนื่องจากที่ผ่านมาพนักงานฝ่ายสินเชื่อโดยเฉลี่ยแต่ละคนสามารถประเมินลูกค้าได้วันละเพียง 0.25 ราย ซึ่งในแต่ละ POS ของ GL นั้นมีพนักงานฝ่ายสินเชื่อ 3 คน

สำหรับ GLF ในปัจจุบันปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ประมาณ 3,000 คันต่อเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับแค่เพียง 10% ของตลาดรวมรถมอเตอร์ไซค์ในกัมพูชา โดยส่วนใหญ่ที่เหลืออีก 90% ของตลาดนั้นเป็นการซื้อขายโดยใช้เงินสด ซึ่งหมายความว่ายังมีช่องว่างอีกมหาศาลสำหรับ GLF ในการขยายตลาดเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในอนาคต โดย GLF เป็นเจ้าผู้ครองตลาดรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดนิยมในกัมพูชา เนื่องจากมีข้อตกลงได้รับสิทธิ์จัดสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ทั้งหมดในกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว

นอกจากนี้ GLF ยังครองตลาดในฐานะเป็นผู้นำการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรยี่ห้อ KUBOTA ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดส่วนที่ใช้บริการเช่าซื้อยังเป็นเพียง 20% ของตลาดรวม ขณะที่ส่วนใหญ่ที่เหลืออีก 80% เป็นการซื้อขายโดยใช้เงินสดเหมือนกับตลาดรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนตลาดสินเชื่อสำหรับแผงโซล่าร์เซลล์ก็ยังเป็นตลาดใหม่ ซึ่งมีโอกาสที่จะขยับขยายได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะผ่านเครือข่ายพนักงานขายของ True Money อันเป็นผลจากข้อตกลงใหม่ในครั้งนี้