Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

18 กุมภาพันธ์ 2559 : โบรกฯ ประสานเสียงเคาะราคาเป้าหมายใหม่หุ้น GL ทะยานสูงสุดที่ 29 บาท ชูดิจิทัล ไฟแนนซ์ รุกตลาดอินโดฯ หนุนทำกำไรนิวไฮต่อเนื่อง

โบรกฯ ประสานเสียงเคาะราคาเป้าหมายใหม่หุ้น GL ทะยานสูงสุดที่ 29 บาท ชูดิจิทัล ไฟแนนซ์ รุกตลาดอินโดฯ หนุนทำกำไรนิวไฮต่อเนื่อง

18 Feb 2016

โบรกเกอร์มองศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ GL หนึ่งในผู้นำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์แข็งแกร่ง ประสานเสียงแนะนำซื้อพร้อมเคาะราคาเป้าหมายใหม่ในปี 59 สูงสุดที่ 29 บาทต่อหุ้น หลังประเมินแนวโน้มพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศที่กัมพูชาและ สปป.ลาว มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง แถมปรับโมเดลธุรกิจเสริมแกร่ง นำระบบดิจิทัล ไฟแนนซ์เข้ามาใช้เพิ่มความสะดวกรวดเร็วการให้บริการที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าพื้นที่ในต่างจังหวัดและช่วยลดต้นทุนในการเปิดสาขา

บริษัทหลักทรัพย์ธนชาต จำกัด (มหาชน) ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ GL หรือ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ซึ่งรายงานตัวเลขกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 192.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยให้คำแนะนำซื้อพร้อมทั้งปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นอีก 16% เป็น 29 บาท จากเดิมที่ 25 บาท เนื่องจากธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อในต่างประเทศเติบโตดีกว่าที่คาดการณ์ไว้และเชื่อว่าพอร์ตสินเชื่อของ GL ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

ทั้งนี้ บล.ธนชาต มองว่า จุดแข็งของ GL ที่แตกต่างจากบริษัทไมโคร ไฟแนนซ์รายอื่นๆ คือการพัฒนาบริษัทฯ ก้าวไปสู่การเป็นบริษัทด้าน Financial Technology (Fintech) โดยนำระบบดิจิทัล ไฟแนนซ์ เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวกรวดเร็วในการให้บริการลูกค้าโดยเฉพาะลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ลูกค้าสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบออนไลน์บนโทรศัพท์มือถือ จึงสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ในวงกว้างและรวดเร็วกว่าคู่แข่ง รวมถึงช่วยให้ GL สามารถติดตามประวัติการชำระเงินของลูกค้าเพื่อลดความเสี่ยงการเกิดหนี้ NPL หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และยังช่วยให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง เนื่องจากไม่ต้องพึ่งพาการขยายสาขาซึ่งต้องใช้งบลงทุนสูง แต่สามารถใช้เครือข่าย POS (Point of Sale) หรือจุดบริการขายเพื่อให้บริการลูกค้า

บทวิเคราะห์ยังระบุด้วยว่า GL ประสบความสำเร็จในการใช้ระบบดิจิทัล ไฟแนนซ์ ให้บริการลูกค้าในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว รวมถึงมีแผนนำไปใช้ที่ประเทศอินโดนีเซียและในไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ โดยแผนงานขยายธุรกิจในอินโดนีเซียนั้น ได้ดำเนินการภายใต้รูปแบบการร่วมทุนกับพันธมิตร โดย GL ถือหุ้น 65% กลุ่ม J TRUST BANK ถือหุ้น 20% และอีก 15% ถือโดยพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งบริษัทร่วมทุนดังกล่าว GL จะรับผิดชอบการติดตั้งระบบและดำเนินการ ส่วนกลุ่ม J TRUST BANK จะรับผิดชอบการลงทุนและความเสี่ยงจากการตั้งสำรองหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ โดยคาดว่าการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/59 และเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาส 2/59

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ GL โดยให้คำแนะนำซื้อพร้อมให้ราคาพื้นฐานที่ 28 บาท เนื่องจากแนวโน้มการดำเนินธุรกิจในปี 2559 ยังไปได้ดี โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนจากการดำเนินธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อในต่างประเทศทั้งในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว ที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียได้ภายในครึ่งปีแรกของปี 2559 และจะทำกำไรได้ดีในปี 2560 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมองโอกาสขยายธุรกิจในประเทศเมียนมาร์และเวียดนาม

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ GL ให้คำแนะนำซื้อโดยปรับราคาเป้าหมายใหม่ในปี 2559 เพิ่มเป็น 28 บาท จากเดิม 23 บาท เนื่องจากบริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/58 ที่ 193 ล้านบาท นับเป็นการทำสถิติกำไรรายไตรมาสสูงสุดติดต่อกันเป็นครั้งที่ 5 โดยผลการดำเนินงานที่โดดเด่นมาจากรายได้ในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่งหนึ่งในเหตุผลของความสำเร็จเกิดจากเครือข่าย POS ซึ่งจะเชื่อมโยงโดยตรงกับ GL ทำให้บริษัทฯ ไม่ต้องใช้เงินลงทุนในการตั้งสาขา จึงสามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริการและบริหารในปี 2558 มาอยู่ที่ 51.3% จากเดิม 60.8% นอกจากนี้ GL มีจุดมุ่งหมายในการใช้ระบบ อีไฟแนนซ์ ซึ่งประสบความสำเร็จในตลาดกัมพูชาและ สปป.ลาว เป็นเครื่องมือในการบรรลุเป้าหมายการเติบโต

ส่วนบริษัทหลักทรัพย์ ทรินิตี้ จำกัด ได้รายงานบทวิเคราะห์หลักทรัพย์ GL ในทิศทางเดียวกัน โดยให้คำแนะนำซื้อและปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่เป็น 24 บาท จากแรงหนุนธุรกิจในต่างประเทศที่เติบโตได้ดี โดยธุรกิจใน สปป.ลาว เริ่มเดินหน้าตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 และถึงจุดคุ้มทุนแล้ว ซึ่งการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ GL มีเครือข่ายจุดบริการขายที่แข็งแกร่ง ทำให้ GL ได้รับค่าธรรมเนียมจากผู้ผลิตสินค้าในการช่วยกระจายสินค้าและปล่อยสินเชื่อ ซึ่งแตกต่างจากในประเทศไทยที่ผู้ให้สินเชื่อต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับดีลเลอร์ ทำให้รายได้อื่นๆ ของ GL เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงคาดการณ์กำไรและ ROE หรืออัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในปี 2559-2560 น่าจะปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 15.6% และ 17% ตามลำดับ

Categories
ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

16 กุมภาพันธ์ 2559 : ชี้แจงข่าวหรือข้อมูลกรณีมีข่าวใน นสพ.ข่าวหุ้นเรื่องการคาดการณ์กำไรในไตรมาสที่ 1/2559

Categories
ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

15 กุมภาพันธ์ 2559 : งบการเงินรายปี 2558

Categories
ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

15 กุมภาพันธ์ 2559 : สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อย ประจำปี (F45-3)

Categories
ข่าวแจ้งตลาดหลักทรัพย์

15 กุมภาพันธ์ 2559 : คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ประจำปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

15 กุมภาพันธ์ 2559 : GL รุกใหญ่ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน

GL รุกใหญ่ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน

15 Feb 2016

 

 

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (กลาง) บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ เปิดแผนรุกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน เพื่อผลักดันรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมโชว์กำไรสุทธิไตรมาส 4/58 ทำสถิตินิวไฮสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 192.90 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิทั้งปี 2558 อยู่ที่ 582.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 400% เมื่อเทียบกับปี 2557

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

15 กุมภาพันธ์ 2559 : กำไร GL ทุบสถิติทำนิวไฮ ประกาศรุกใหญ่ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน

กำไร GL ทุบสถิติทำนิวไฮ ประกาศรุกใหญ่ธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน

15 Feb 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส หนึ่งในผู้นำธุรกิจเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/58 ทำนิวไฮสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 192.90 ล้านบาท พร้อมประกาศเปลี่ยนโมเดลธุรกิจรุกดิจิทัลไฟแนนซ์ทั่วอาเซียน เพื่อผลักดันรายได้และกำไรเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL หนึ่งในผู้นำผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ กล่าวชี้แจงว่า โมเดลธุรกิจใหม่นี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของระบบอีไฟแนนซ์ ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยฝ่ายไอทีของ GL โดยสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำ เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทที่ไม่มีบัญชีธนาคารและไม่สามารถกู้เงินในระบบ โดยบริษัท GLF ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ GL ในประเทศกัมพูชาได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่งจากระบบอีไฟแนนซ์ใหม่นี้ ซึ่งระบบดังกล่าวถูกนำไปใช้ในธุรกิจใหม่ที่ สปป.ลาวและพร้อมจะนำไปใช้ในตลาดใหม่อื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซียซึ่ง GL ได้จดทะเบียนบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธนาคาร J TRUST ซึ่งเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนจะได้รับใบอนุญาตภายในไตรมาสนี้และสามารถเริ่มดำเนินกิจการได้ในไตรมาส 2/59

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ระบบอีไฟแนนซ์ใหม่นี้นอกเหนือจากสามารถตอบสนองความต้องการธุรกิจเช่าซื้อสินค้าประเภทเดิมของ GL อาทิ รถมอเตอร์ไซค์ HONDA และเครื่องจักรกลเกษตร KUBOTA แล้ว ยังนำมาใช้เป็นต้นแบบในการให้บริการสินเชื่อสำหรับสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น แผงโซล่าร์เซลล์และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยอาศัยเครือข่าย POS (Point of Sale) หรือจุดบริการขาย ซึ่งตั้งอยู่ภายในอาคารของเอเย่นต์สินค้าต่างๆ ที่ GL ให้บริการสินเชื่อ จึงส่งผลดีต่อ GL ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมากในการตั้งสาขา เช่นเดียวกับบริษัทไฟแนนซ์อื่นๆ โดยล่าสุด GL มี POS เกือบ 200 แห่งทั่วประเทศกัมพูชา

“ระบบอีไฟแนนซ์นี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายไอทีของเราพัฒนาขึ้นมาเอง ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ซึ่งทำให้เราสามารถบริหารจัดการขั้นตอนต่างๆ ในการทำธุรกิจ ตั้งแต่การประเมินสินเชื่อ การปล่อยเงินกู้ให้ลูกค้า รวมถึงการชำระเงินค่างวดโดยลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือเข้าสู่สำนักงานใหญ่ของเรา ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการที่มีความรวดเร็ว สะดวกและมีต้นทุนต่ำ ทำให้เราได้เปรียบคู่แข่งกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทไฟแนนซ์หรือธนาคารพาณิชย์ทั่วไป” นายมิทซึจิ กล่าว

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า โมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์นี้จะช่วยให้ GL รุกเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ในอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

โดยการประกาศโมเดลธุรกิจใหม่นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทฯ รายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาส 4/58 ซึ่งโชว์ตัวเลขกำไรสุทธิ 192.90 ล้านบาท หรือสูงที่สุดในประวัติการณ์ของบริษัทฯ โดยเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/57 ขณะที่กำไรสุทธิรวมทั้งปี 2558 อยู่ที่ 582.89 ล้านบาท พุ่งขึ้น 395.15% เมื่อเทียบกับปี 2557

ทั้งนี้ สำหรับกำไรสุทธิในไตรมาส 4/58 จำนวน 192.90 ล้านบาท นับว่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องถึง 28% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 150.27 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 โดยกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดนี้ประมาณ 90 ล้านบาท เป็นกำไรจากผลประกอบการในประเทศไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ล้านบาทจากไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นผลจากการปล่อยสินเชื่อที่รัดกุมมากขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น ในขณะที่กำไรส่วนที่เหลือในไตรมาสล่าสุดอีกประมาณ 102 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในต่างประเทศซึ่งส่วนใหญ่มาจากกัมพูชา ส่วนธุรกิจใหม่ของ GL ใน สปป.ลาวนั้นสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ภายในเวลาเพียง 5 เดือน หลังจากเริ่มเปิดดำเนินการเมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยสามารถทำกำไรได้ประมาณ 2.5 ล้านบาท ในไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา

เมื่อถามถึงแนวโน้มผลประกอบการในอนาคต นายมิทซึจิ ประมาณการว่า พอร์ตสินเชื่อทั้งหมดของกลุ่ม GL ซึ่งเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากประมาณ 4.5 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2557 เป็นประมาณ 9.2 พันล้านบาท เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา จะยังคงขยายตัวอย่างก้าวกระโดดต่อไป โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้พอร์ตสินเชื่อทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็นประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ขณะที่ประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปีนี้จะเดินหน้าทำนิวไฮต่อไป

นายทัตซึยา โคโนชิตะ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ GL กล่าวชี้แจงว่า มีความมั่นใจอย่างสูงต่อศักยภาพการขยายตัวของธุรกิจในกัมพูชา โดยบริษัท GLF ได้ปล่อยสินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 2.3 หมื่นคันในรอบปีที่ผ่านมา ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 10% ของยอดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์ใหม่ทั้งหมดในกัมพูชาที่ 2.6 แสนคัน ซึ่งหมายความว่า GLF ยังมีโอกาสที่จะขยายธุรกิจการปล่อยสินเชื่อได้อีกมากมาย

สำหรับตลาดใหม่อีกแห่งหนึ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ GL คือตลาดประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีขนาดที่ใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาถึง 10 เท่า โดย GL ได้จดทะเบียนบริษัทร่วมทุนกับกลุ่มธนาคาร J TRUST ตั้งแต่เดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตประกอบการจากทางการอินโดนีเซีย ซึ่งคาดว่าจะได้รับภายในไตรมาสนี้และเริ่มดำเนินธุรกิจได้ในไตรมาส 2/59

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารของ GL เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการรุกธุรกิจในอินโดนีเซียตั้งแต่สิ้นปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าบริษัทฯ ร่วมทุนใหม่ดังกล่าวจะเริ่มดำเนินธุรกิจเป็นมูลค่าประมาณ 20-30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีแรก จากนั้นขนาดของธุรกิจจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็วและสามารถขยายตัวได้เต็มที่ถึงกว่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐในอนาคต

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

05 กุมภาพันธ์ 2559 : GLF เปิดสำนักขายแห่งใหม่ ในร้านของตัวแทนจำหน่ายรายย่อยฮอนด้าในเขต Kralanh, เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา

GLF เปิดสำนักขายแห่งใหม่ ในร้านของตัวแทนจำหน่ายรายย่อยฮอนด้าในเขต Kralanh, เสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา

05 Feb 2016

วันนี้, จีแอลไฟแนนซ์ (GLF) ได้เปิดสาขาเพิ่มขึ้นอีก 1 แห่ง ในจังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา สำนักงานขายแห่งใหม่นี้ ตั้งอยู่ในสำนักงานขายของ Honda Sub-Dealer Seng Hout Kralanh ซึ่งตั้งอยู่ที่ National Road #6, west of Kralanh market, Kampong Thkov village, Kampong Thkov commune, Kralanh district, จังหวัดเสียมเรียบ และเป็นสำนักงานขายแห่งที่ 148 ของบริษัทในประเทศกัมพูชา

ในขณะนี้บริษัทจึงได้เปิดสำนักงานแล้ว ดังนี้

– ในสำนักงานขายของตัวแทนจำหน่ายฮอนด้า จำนวน 58 แห่ง ทั่วประเทศกัมพูชา และ

– ในสำนักงานขายของตัวแทนย่อยฮอนด้า จำนวน 90 แห่ง

รวมเป็น 148 แห่ง