เดือน: สิงหาคม 2016
GL จับมือ True Money รุกใหญ่ตลาดกัมพูชา
บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในกลุ่มประเทศอาเซียน ประกาศความร่วมมือกับ True Money ในกัมพูชาซึ่งเป็นบริษัทย่อยค่ายมือถือยักษ์ใหญ่จากประเทศไทย รุกขยายตลาดเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ เครื่องจักรกลเกษตรและแผงโซล่าร์เซลล์ในกัมพูชา โดยอาศัยเครือข่าย True Money Shop ประมาณ 5,000 แห่ง ที่กระจายทั่วประเทศ เป็นเอเย่นต์ขายบริการเช่าซื้อธุรกิจประเภทต่างๆ คาดว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ไตรมาส 4 นี้เป็นต้นไป
บริษัทย่อยของกลุ่ม GL ในประเทศกัมพูชาหรือ GL Finance (GLF) ในปัจจุบันดำเนินธุรกิจผ่านจุดบริการขาย (Point of Sales) หรือ POS ในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศประมาณ 240 แห่ง “ผลจากข้อตกลงความร่วมมือกับ True Money ครั้งนี้ จะทำให้เอเย่นต์ของ True Money Shop ประมาณ 5,000 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศกัมพูชา ทำหน้าที่ควบคู่กันไปในการเป็นตัวแทนขายสินค้าและบริการต่างๆ ของเราด้วย ซึ่งหมายความว่าขีดความสามารถด้านการตลาดและการขายของเราจะเพิ่มขึ้นทันทีอย่างมหาศาล แต่ค่าใช้จ่ายประจำของเรายังอยู่คงที่ โดยร้านค้าย่อยของ True Money เหล่านี้ครอบคลุมไปถึงหมู่บ้านและชุมชนห่างไกล ซึ่งจะส่งผลให้ GLF สามารถขยายการขายและบริการไปยังพื้นที่เหล่านี้” นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวชี้แจง
ทั้งนี้ หลังจากที่ขยับขยายจากฐานในประเทศไทยไปสู่กัมพูชาในหลายปีที่ผ่านมา ผลประกอบการในกัมพูชานั้นถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยเห็นได้จากกำไรสุทธิของ GL ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้รวมทั้งสิ้น 255.85 ล้านบาท ประกอบด้วย ประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกำไรจากธุรกิจในกัมพูชา ที่เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าตัว เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ของปีที่แล้วซึ่งมีกำไรเพียง 40 ล้านบาท
นายทัตซึยะกล่าวคาดการณ์ว่า การขยายเครือข่ายตัวแทนขายสินค้าและบริการของ GLF ผ่านเครือข่าย True Money ในครั้งนี้ จะมีนัยสำคัญเป็นอย่างมากต่อการเพิ่มยอดขาย รายได้และกำไร โดยคาดว่าจำนวนผู้ขอเงินกู้ใหม่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ในไตรมาสที่ 4 ปีนี้และภายในปีหน้ายอดรวมจำนวนผู้ขอเงินกู้ใหม่ทั้งสิ้นจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยแบ่งเป็นประมาณครึ่งๆ ระหว่าง POS ของ GLF และเครือข่ายเอเย่นต์ของ True Money
ในขณะเดียวกัน นายริกิ อิชิกามิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GLF กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ความร่วมมือกับ True Money ในครั้งนี้จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่าย “ผมเชื่อมั่นว่าการเอื้อประโยชน์ต่อกันและกันในการให้บริการกับลูกค้าของเราทั้ง 2 ฝ่าย จะเพิ่มขีดความสามารถในการขยายตลาดอย่างสัมฤทธิ์ผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างโอกาสใหม่ๆ สำหรับ GLF ในการเพิ่มลูกค้าจำนวนมากผ่านพนักงานขายของ True Money ซึ่งเขาจะได้รับผลตอบแทนในรูปคอมมิชชั่นและในขณะเดียวกันก็จะส่งผลดีต่อการเพิ่มธุรกิจการโอนเงินผ่านระบบของ True Money ด้วย”
นายริกิ อิชิกามิ ได้ลงนามในเอ็มโอยูกับกรรมการผู้จัดการของ True Money (Cambodia) Limited Mr. Kong Mean ที่กรุงพนมเปญเมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยข้อตกลงความร่วมมือใหม่ในครั้งนี้ จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2559 เป็นต้นไป ซึ่งส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงความร่วมมือในครั้งนี้ระบุว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของ GLF คือชาวบ้านที่เป็นชุมชนระดับรากหญ้า ซึ่งส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารและถือว่าเป็นกลุ่มเป้าหมายเดียวกันกับลูกค้าของ True Money ดังนั้น ความร่วมมือในครั้งนี้จะเสริมและเอื้อประโยชน์ให้กับ GLF True Money และพนักงานขายของ True Money รวมถึงจะส่งผลให้ธุรกิจเติบโตก้าวหน้าอย่างมั่นคง
ด้านนายทัตซึยะกล่าวชี้แจงว่า พนักงานของ True Money จะยังคงทำหน้าที่ด้านการชำระเงินผ่านมือถือตามเดิม แต่จะเพิ่มบทบาทใหม่ในฐานะเป็นตัวแทนขายของ GLF โดยพนักงานจะโหลดแอพพลิเคชั่นดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GLF ลงในมือถือของตนเองและ Input ข้อมูลต่างๆ ของผู้ขอเงินกู้ พร้อมทั้งส่งข้อมูลเหล่านั้นมาที่ POS ของ GLF หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของ POS จะออกไปทำการประเมินคำขอเงินกู้ของลูกค้าก่อนให้การอนุมัติ
นายทัตซึยะกล่าวเสริมว่า ทางฝ่าย GLF จะสามารถใช้ประโยชน์จากพนักงานฝ่ายสินเชื่อของตนเองได้อย่างเต็มที่ ซึ่งแต่ละคนจะออกไปประเมินลูกค้าได้วันละ 2-3 ราย นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อีกหลายเท่า เนื่องจากที่ผ่านมาพนักงานฝ่ายสินเชื่อโดยเฉลี่ยแต่ละคนสามารถประเมินลูกค้าได้วันละเพียง 0.25 ราย ซึ่งในแต่ละ POS ของ GL นั้นมีพนักงานฝ่ายสินเชื่อ 3 คน
สำหรับ GLF ในปัจจุบันปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ประมาณ 3,000 คันต่อเดือน ซึ่งเทียบเท่ากับแค่เพียง 10% ของตลาดรวมรถมอเตอร์ไซค์ในกัมพูชา โดยส่วนใหญ่ที่เหลืออีก 90% ของตลาดนั้นเป็นการซื้อขายโดยใช้เงินสด ซึ่งหมายความว่ายังมีช่องว่างอีกมหาศาลสำหรับ GLF ในการขยายตลาดเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์ในอนาคต โดย GLF เป็นเจ้าผู้ครองตลาดรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ซึ่งเป็นยี่ห้อยอดนิยมในกัมพูชา เนื่องจากมีข้อตกลงได้รับสิทธิ์จัดสินเชื่อเช่าซื้อสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ HONDA ทั้งหมดในกัมพูชาแต่เพียงผู้เดียว
นอกจากนี้ GLF ยังครองตลาดในฐานะเป็นผู้นำการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรยี่ห้อ KUBOTA ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงเช่นกัน เนื่องจากปัจจุบันตลาดส่วนที่ใช้บริการเช่าซื้อยังเป็นเพียง 20% ของตลาดรวม ขณะที่ส่วนใหญ่ที่เหลืออีก 80% เป็นการซื้อขายโดยใช้เงินสดเหมือนกับตลาดรถมอเตอร์ไซค์ ส่วนตลาดสินเชื่อสำหรับแผงโซล่าร์เซลล์ก็ยังเป็นตลาดใหม่ ซึ่งมีโอกาสที่จะขยับขยายได้อย่างมหาศาลโดยเฉพาะผ่านเครือข่ายพนักงานขายของ True Money อันเป็นผลจากข้อตกลงใหม่ในครั้งนี้
15 สิงหาคม 2559 : งบการเงิน ไตรมาสที่ 2/2559
- Post author By admin
- Post date สิงหาคม 15, 2016
- ไม่มีความเห็น บน 15 สิงหาคม 2559 : งบการเงิน ไตรมาสที่ 2/2559
15 สิงหาคม 2559 : GL กำไร Q2 พุ่งเท่าตัว ทำนิวไฮ 7 ไตรมาสต่อเนื่อง
- Post author By admin
- Post date สิงหาคม 15, 2016
GL กำไร Q2 พุ่งเท่าตัว ทำนิวไฮ 7 ไตรมาสต่อเนื่อง
15 Aug 2016
บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ประกาศงบไตรมาส 2 โชว์กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท พุ่งขึ้น 97.6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยและบริษัทในเครือในภูมิภาคโดยเฉพาะกัมพูชาเติบโตต่อเนื่องอย่างโดดเด่น ด้านผู้บริหารแสดงความมั่นใจจะเดินหน้าทุบสถิติทำกำไรนิวไฮอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม J TRUST เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มหึมา
นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน กล่าวชี้แจงว่า ฝ่ายบริหารได้เคยตั้งเป้าว่าจะทำกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำไรสุทธิกว่า 500 ล้านบาทในปี 2558 มาเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ หากรวมกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปีปัจจุบันที่ 222.17 ล้านบาท กับกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดแล้ว ยอดรวมกำไรสุทธิครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 478 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบเท่ากับเพิ่มขึ้น 97.6% จากกำไรสุทธิ 129.47 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นกำไรจากผลประกอบการในประเทศไทยประมาณ 105 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 17% ส่วนกำไรที่เหลืออีก 150 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว
นายทัตซึยะชี้แจงว่า สำหรับกำไรจากกัมพูชาประมาณ 120 ล้านบาทนั้นมีนัยสำคัญมาก เนื่องจากเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากกำไรประมาณ 40 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งยืนยันถึงศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในกัมพูชา ส่วนบริษัทย่อยใน สปป.ลาวและบริษัท ธนบรรณ ในประเทศไทยนั้นมีกำไรสุทธิแห่งละประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมาและบริษัท ธนบรรณ ถูกควบรวมโดย GL ตั้งแต่ปี 2557
นายทัตซึยะกล่าวว่า ผลประกอบการใน สปป.ลาวนั้นถือว่าน่าพอใจมาก เนื่องจากถึงแม้เป็นประเทศเล็กแต่มีศักยภาพที่จะทำกำไรได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือนภายในปีนี้ โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวนั้นเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อทั้งรถจักรยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตรที่โดดเด่นทิ้งห่างคู่แข่งเป็นอย่างมาก
นายทัตซึยะกล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า เนื่องจากธุรกิจในอินโดนีเซียยังอยู่ในระยะเริ่มแรก ดังนั้นธุรกิจในกัมพูชาจะยังเป็นดาวเด่นของกลุ่ม GL ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยกรณีของผลประกอบการในกัมพูชานั้น นายทัตซึยะอธิบายว่าตัวเลขในไตรมาส 2 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้นน่าจะดีกว่าตัวเลขที่รายงานด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากมีปัญหาแทรกซ้อนจากการชะลอตัวของตลาดรถจักรยานยนต์อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% อย่างจริงจังสำหรับการซื้อขายรถจักรยานยนต์ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลอดจนผลกระทบจากภาวะภัยแล้งคล้ายกับในประเทศไทย ดังนั้นบริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการในกัมพูชาจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ปัญหาการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วและภาวะภัยแล้งก็คลี่คลายสู่ปกติ
ทั้งนี้ GL ได้พัฒนาระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูงในการดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ HONDA เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA ตลอดจนการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการ SMEs โดยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในกัมพูชา ซึ่งระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้ใน สปป.ลาวและอินโดนีเซีย โดยใน สปป.ลาวนั้นสามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 4 เดือนหลังจากที่เปิดกิจการ
สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น นายทัตซึยะกล่าวแสดงความมั่นใจว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากวันแรกที่เปิดดำเนินธุรกิจหลังจากได้รับใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Group Lease Holdings PTE. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ซึ่งถือหุ้นอยู่ใน GLFI 65% และบริษัท J TRUST ASIA (JTA) ถือหุ้น 20% รวมถึงกลุ่มทุนท้องถิ่นอีก 15% สามารถเซ็นสัญญาปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเครื่องจักรกลการเกษตร 2 รายในวันแรกที่เริ่มเปิดกิจการคือวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาและยังได้รับการขอสินเชื่อจากลูกค้าอีก 12 รายภายในสัปดาห์แรก ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดีมาก
โดยการเจาะเข้าตลาดอินโดนีเซียนั้นนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งจะหนุนกลุ่ม GL ให้มีการขยายธุรกิจครั้งใหญ่จากศักยภาพที่มีอยู่สูงมากในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 250 ล้านคน โดยนายทัตซึยะอธิบายว่ากลุ่ม GL เป็นผู้เชี่ยวชาญการปล่อยสินเชื่อในพื้นที่ชนบทและตลาดในอินโดนีเซียจะเป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะแก่งประมาณ 12,000 เกาะซึ่งอยู่ห่างไกล ขณะที่นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL ได้เคยกล่าวแสดงความมั่นใจว่าตลาดอินโดนีเซียนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 10 เท่า