Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

15 สิงหาคม 2559 : GL กำไร Q2 พุ่งเท่าตัว ทำนิวไฮ 7 ไตรมาสต่อเนื่อง

GL กำไร Q2 พุ่งเท่าตัว ทำนิวไฮ 7 ไตรมาสต่อเนื่อง

15 Aug 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ประกาศงบไตรมาส 2 โชว์กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท พุ่งขึ้น 97.6% เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยและบริษัทในเครือในภูมิภาคโดยเฉพาะกัมพูชาเติบโตต่อเนื่องอย่างโดดเด่น ด้านผู้บริหารแสดงความมั่นใจจะเดินหน้าทุบสถิติทำกำไรนิวไฮอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บริษัทร่วมทุนกับกลุ่ม J TRUST เริ่มดำเนินธุรกิจอย่างเป็นทางการในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่มหึมา

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน กล่าวชี้แจงว่า ฝ่ายบริหารได้เคยตั้งเป้าว่าจะทำกำไรเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากกำไรสุทธิกว่า 500 ล้านบาทในปี 2558 มาเป็น 1,000 ล้านบาทในปีนี้ ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าบริษัทฯ จะสามารถบรรลุเป้าหมายได้ หากรวมกำไรสุทธิไตรมาส 1 ปีปัจจุบันที่ 222.17 ล้านบาท กับกำไรสุทธิในไตรมาสล่าสุดแล้ว ยอดรวมกำไรสุทธิครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 478 ล้านบาท

ทั้งนี้ กำไรสุทธิ 255.85 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปีนี้ เทียบเท่ากับเพิ่มขึ้น 97.6% จากกำไรสุทธิ 129.47 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว โดยแบ่งเป็นกำไรจากผลประกอบการในประเทศไทยประมาณ 105 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 17% ส่วนกำไรที่เหลืออีก 150 ล้านบาท มาจากผลประกอบการในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว

นายทัตซึยะชี้แจงว่า สำหรับกำไรจากกัมพูชาประมาณ 120 ล้านบาทนั้นมีนัยสำคัญมาก เนื่องจากเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากกำไรประมาณ 40 ล้านบาทในไตรมาส 2 ของปีที่แล้ว ซึ่งยืนยันถึงศักยภาพในการขยายตัวของธุรกิจอย่างแข็งแกร่งในกัมพูชา ส่วนบริษัทย่อยใน สปป.ลาวและบริษัท ธนบรรณ ในประเทศไทยนั้นมีกำไรสุทธิแห่งละประมาณ 15 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่ผ่านมาและบริษัท ธนบรรณ ถูกควบรวมโดย GL ตั้งแต่ปี 2557

นายทัตซึยะกล่าวว่า ผลประกอบการใน สปป.ลาวนั้นถือว่าน่าพอใจมาก เนื่องจากถึงแม้เป็นประเทศเล็กแต่มีศักยภาพที่จะทำกำไรได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อเดือนภายในปีนี้ โดยบริษัทย่อยใน สปป.ลาวนั้นเป็นผู้นำตลาดสินเชื่อทั้งรถจักรยานยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตรที่โดดเด่นทิ้งห่างคู่แข่งเป็นอย่างมาก

นายทัตซึยะกล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า เนื่องจากธุรกิจในอินโดนีเซียยังอยู่ในระยะเริ่มแรก ดังนั้นธุรกิจในกัมพูชาจะยังเป็นดาวเด่นของกลุ่ม GL ในอนาคตอันใกล้นี้ โดยกรณีของผลประกอบการในกัมพูชานั้น นายทัตซึยะอธิบายว่าตัวเลขในไตรมาส 2 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนั้นน่าจะดีกว่าตัวเลขที่รายงานด้วยซ้ำ แต่เนื่องจากมีปัญหาแทรกซ้อนจากการชะลอตัวของตลาดรถจักรยานยนต์อันเป็นผลสืบเนื่องจากการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม 10% อย่างจริงจังสำหรับการซื้อขายรถจักรยานยนต์ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ตลอดจนผลกระทบจากภาวะภัยแล้งคล้ายกับในประเทศไทย ดังนั้นบริษัทฯ จึงมั่นใจว่าผลประกอบการในกัมพูชาจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งหลังจากที่ปัญหาการบังคับใช้ภาษีมูลค่าเพิ่มได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้วและภาวะภัยแล้งก็คลี่คลายสู่ปกติ

ทั้งนี้ GL ได้พัฒนาระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพสูงในการดำเนินธุรกิจปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์ HONDA เครื่องจักรกลการเกษตร KUBOTA ตลอดจนการให้สินเชื่อกับผู้ประกอบการ SMEs โดยประสบความสำเร็จอย่างดียิ่งในกัมพูชา ซึ่งระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ดังกล่าวถูกนำมาใช้ใน สปป.ลาวและอินโดนีเซีย โดยใน สปป.ลาวนั้นสามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 4 เดือนหลังจากที่เปิดกิจการ

สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น นายทัตซึยะกล่าวแสดงความมั่นใจว่ามีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากวันแรกที่เปิดดำเนินธุรกิจหลังจากได้รับใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียในวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัท PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง Group Lease Holdings PTE. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ซึ่งถือหุ้นอยู่ใน GLFI 65% และบริษัท J TRUST ASIA (JTA) ถือหุ้น 20% รวมถึงกลุ่มทุนท้องถิ่นอีก 15% สามารถเซ็นสัญญาปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเครื่องจักรกลการเกษตร 2 รายในวันแรกที่เริ่มเปิดกิจการคือวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมาและยังได้รับการขอสินเชื่อจากลูกค้าอีก 12 รายภายในสัปดาห์แรก ซึ่งถือว่าเป็นการเริ่มต้นทำธุรกิจที่ดีมาก

โดยการเจาะเข้าตลาดอินโดนีเซียนั้นนับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ซึ่งจะหนุนกลุ่ม GL ให้มีการขยายธุรกิจครั้งใหญ่จากศักยภาพที่มีอยู่สูงมากในประเทศอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 250 ล้านคน โดยนายทัตซึยะอธิบายว่ากลุ่ม GL เป็นผู้เชี่ยวชาญการปล่อยสินเชื่อในพื้นที่ชนบทและตลาดในอินโดนีเซียจะเป็นเป้าหมายหลัก เนื่องจากว่าพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเกาะแก่งประมาณ 12,000 เกาะซึ่งอยู่ห่างไกล ขณะที่นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL ได้เคยกล่าวแสดงความมั่นใจว่าตลาดอินโดนีเซียนั้นจะมีขนาดใหญ่กว่ากัมพูชาถึง 10 เท่า

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

11 สิงหาคม 2559 : แจ้งกำหนดวันใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญตามใบสำคัญแสดงสิทธิ GL-W4 (ครั้งที่ 1)

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

02 สิงหาคม 2559 : เริ่มเปิดตัวแล้วอย่างยิ่งใหญ่ จีแอลเอฟ อินโดนีเซีย

เริ่มเปิดตัวแล้วอย่างยิ่งใหญ่ จีแอลเอฟ อินโดนีเซีย

02 Aug 2016

พีที กรุ๊ปลีส ไฟแนนซ์ อินโดนีเซีย (จีแอลเอฟไอ) บริษัทย่อยของ บมจ. กรุ๊ปลีส เริ่มเปิดตัว ธุรกิจ “ดิจิทัล ไฟแนนซ์” ในประเทศอินโดนีเซีย และโดยทันทีที่เปิดตัว ก็ประเดิมด้วย ลูกค้ารายแรกที่ใช้บริการสินเชื่อสำหรับ อุปกรณ์การเกษตร เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2559

จีแอลเอฟไอ เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจ บนวิสัยทัศน์ การเป็นผู้นำทางการเงินในภูมิภาคอาเซียน (ARFC: ASEAN Regional Finance Company) และขยายธุรกิจ “ดิจิทัล ไฟแนนซ์” เพื่อให้บริการทางการเงินให้กับสินค้าหลากหลายชนิด ไปสู่ตลาดอาเซียน บนแพลตฟอร์มของเรา สัญญาเช่าซื้อจากลูกค้าฉบับแรกที่ทำกับเรา ทำขึ้นที่ ร้านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของคูโบต้า ซึ่งเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของเราในประเทศกัมพูชาเช่นกัน

สัญญาเช่าซื้อฉบับแรกดังกล่าวถูกทำขึ้นที่จังหวัด Lampung ในเกาะสุมาตรา และหลังจากนั้น ก็มีลูกค้ามาทำสัญญาเพิ่มอีก 2 สัญญาในวันแรก และภายในสัปดาห์แรก จีแอลเอฟไอ ก็มีใบสมัครที่รอการอนุมัติอยู่ถึง 11 ราย ทั้งที่เป็นเพียงสัปดาห์แรกและอยู่ในช่วงสัปดาห์ของการทดลอง การที่มีจำนวนใบสมัครมากขนาดนี้จากจุดให้บริการเพียง 1 แห่งที่เราเปิด นั้นเป็นสิ่งที่โดดเด่นน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง รวมทั้งอยู่นอกเหนือความคาดหมาย ผลตอบรับดังกล่าวทำให้ผู้บริหารมีความภาคภูมิใจที่จะแจ้งให้กับนักลงทุนได้ทราบถึงความมั่นใจ อย่างเต็มเปี่ยมกับ การเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว ในตลาดที่มีขนาดใหญ่ด้วยประชากร 230 ล้านคนของประเทศอินโดนีเซีย จีแอลได้ก้าวเข้าสู่พื้นที่ชนบทของอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรราว 200 ล้านคน ด้วยการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะยิ่งใหญ่กว่าการเติบโตที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในประเทศกัมพูชาและลาว นอกจากนั้น จีแอลเอฟไอ ยังได้เปิด จุดให้บริการอีก 2 แห่งภายในสัปดาห์แรก

สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นประเทศที่ประกอบด้วยเกาะที่มีขนาดต่าง ๆ กันถึง 13,466 เกาะ แต่จีแอลเอฟไอ จะมุ่งขยายธุรกิจให้ครอบคลุมประเทศในพื้นที่ชนบท ซึ่งเหมาะสมกับธุรกิจของบริษัทมากกว่า กลุ่มบริษัทจีแอล มีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการพัฒนามาตรฐานการครองชีพในภูมิภาคอาเซียน โดยผ่านทาง ธุรกิจ “ดิจิทัลไฟแนนซ์” ของเรา

ด้านล่างเป็นภาพของการทำสัญญาจากลูกค้ารายแรกของบริษัท และขณะส่งมอบเครื่องจักร

ลูกค้ารายแรกของ จีแอลเอฟไอ (PT Pilar Putra Teknik, Metro)

ผู้จัดการของ จีแอลเอฟไอ ถ่ายภาพร่วมกับ เจ้าของร้านตัวแทนจำหน่าย (PT Pilar Putra Teknik, Palembang)

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

25 กรกฎาคม 2559 : คุณทัตซึยะ โคโนชิตะ (ประธานคณะกรรมการบริหาร และ กรรมการ) on Money Talk Weekly

คุณทัตซึยะ โคโนชิตะ (ประธานคณะกรรมการบริหาร และ กรรมการ) on Money Talk Weekly

25 Jul 2016

คุณทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหารบริษัท GL ได้ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยในรายการ Money Channel ที่ออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 20พฤษภาคม 2559ทางเรามีความยินดีที่จะนำเสนอเทปรายการนี้

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

12 กรกฎาคม 2559 : GL รุกใหญ่อินโดฯ หลังได้ใบอนุญาต หนุนกำไรโตก้าวกระโดดระยะยาว

GL รุกใหญ่อินโดฯ หลังได้ใบอนุญาต หนุนกำไรโตก้าวกระโดดระยะยาว

12 Jul 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ประกาศรุกใหญ่สู่ตลาดอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนมีประชากรกว่า 250 ล้านคน หลังได้รับใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซีย (OJK) นับเป็นการขยายตลาด Consumer Finance ครั้งใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะเกื้อหนุนทั้งยอดขายและกำไรให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่องในระยะยาว

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน เปิดเผยว่า เราจะเริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียแบบ ‘Rocket Start’ หรือพุ่งพรวดทันที เนื่องจากเราได้มีการเตรียมความพร้อมในช่วงที่รอคอยใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซีย จึงทำให้เรามีความพร้อมเต็มที่และสามารถเริ่มดำเนินกิจการได้ทันทีในตอนนี้ โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายแรกได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้

สำหรับธุรกิจของ GL ในอินโดนีเซียนั้น ดำเนินการโดยบริษัท PT Group Lease Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัท Group Lease Holdings PTE. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ โดยถือหุ้นใน GLFI 65% และบริษัท J TRUST ASIA (JTA) ซึ่งเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์และได้ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพชุดล่าสุดของ GL มูลค่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย JTA ถือหุ้นใน GLFI 20% ส่วนหุ้นที่เหลืออีก 15% ถือโดยกลุ่มทุนท้องถิ่น

นายทัตซึยะ กล่าวชี้แจงว่า ธุรกิจในอินโดนีเซียนั้นจะมีอัตรากำไรประมาณ 40% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรในกัมพูชาและประเทศไทย โดยจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนและเริ่มสร้างผลกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้นเนื่องจากเป็นโมเดลธุรกิจใหม่โดย GLFI จะมีรายได้หลักจากค่าธรรมเนียมและค่าคอมมิชชั่นต่างๆ ในการบริหารสินเชื่อ ขณะที่พันธมิตรทางยุทธศาสตร์กลุ่ม J TRUST BANK (Indonesia) ซึ่งมีสาขาธนาคาร 62 แห่งทั่วประเทศอินโดนีเซีย จะเป็นฝ่ายรับผิดชอบด้านเงินทุนให้กู้และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)

นายทัตซึยะ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า GLFI มีเป้าหมายหลักปล่อยสินเชื่อในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร รถจักรยานยนต์มือสอง เงินกู้ที่มีสินทรัพย์ค้ำประกัน (เช่น รถยนต์และรถจักรยานยนต์) เครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดต่างๆ และแผงโซลาร์เซลล์ตลอดจนสินเชื่อประเภทใหม่ๆ สำหรับลูกค้าที่มีรายได้ต่ำ เช่น เงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยและการปรับปรุงบ้านพักอาศัย โดยการปล่อยสินเชื่อจะใช้ระบบดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีความคล่องตัวและประสิทธิภาพสูง ซึ่ง GL ได้พัฒนาและนำไปใช้อย่างได้ผลในกัมพูชาก่อนหน้านี้

ตลาดอินโดนีเซียนับเป็นประเทศที่ 3 และเป็นตลาดใหญ่ที่สุดหลังจากที่ GL ได้ขยายธุรกิจจากฐานในประเทศไทยไปสู่กัมพูชาและ สปป.ลาวก่อนหน้านี้ โดยนายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานบริษัท ได้เคยกล่าวชี้แจงก่อนหน้านี้ว่าตลาดในอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรกว่า 250 ล้านคน มีขนาดใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาถึง 10 เท่า โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นชนบทห่างไกลและกว่า 70% ยังไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อซึ่งจะกลายเป็นตลาดของ GLFI โดยตลาดกัมพูชาขณะนี้ถือว่ามีความสำคัญต่อธุรกิจโดยรวมของกลุ่ม GL เป็นอย่างยิ่ง อันเห็นได้จากยอดกำไรสุทธิ 222 ล้านบาทในไตรมาส 1 ของปีนี้ มากกว่าครึ่งหนึ่งหรือประมาณ 120 ล้านบาทเป็นกำไรจากผลประกอบการนอกประเทศไทย โดยส่วนใหญ่จะเป็นกำไรจากผลประกอบการในกัมพูชา

นายทัตซึยะคาดการณ์ว่า กำไรจากธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียจะเริ่มเป็นกอบเป็นกำภายในปีหน้าและจะพุ่งมากขึ้นอย่างต่อเนื่องภายใน 5 ปีข้างหน้านี้

ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นสมัยวิสามัญของ GL เมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้อนุมัติให้บริษัทออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับ JTA ตลอดจนออกใบสำคัญแสดงสิทธิ 170 ล้านหน่วย (GL-W4) สำหรับผู้ถือหุ้นของ GL ในอัตราส่วน 9:1 โดยราคาแปลงสภาพของ GL-W4 และหุ้นกู้แปลงสภาพกำหนดไว้ที่ 40 บาทต่อหน่วย ซึ่งเงินทุนก้อนใหม่จากหุ้นกู้แปลงสภาพและการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิเหล่านี้ จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจในตลาดที่กลุ่ม GL ดำเนินธุรกิจอยู่แล้ว คือประเทศไทย กัมพูชาและ สปป.ลาว ตลอดจนการขยายไปสู่ตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับเงินทุนที่ใช้ในการขยายธุรกิจในอินโดนีเซียนั้น จะมาจากกลุ่ม J TRUST BANK (Indonesia) ซึ่งสามารถระดมเงินฝากจากท้องถิ่นได้ โดยประธานบริษัท นายมิทซึจิได้กล่าวชี้แจงเมื่อเร็วๆ นี้ว่าความผันผวนในตลาดเงินและตลาดทุนซึ่งเป็นผลจากประชามติของอังกฤษให้ถอนตัวจากสหภาพยุโรปนั้น จะสร้างโอกาสอย่างดียิ่งสำหรับการควบรวมกิจการ เนื่องจากเป้าหมายของกลุ่มบริษัทที่อยู่ในข่ายที่ GL จะไปซื้อกิจการนั้นราคาจะถูกลง

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

04 กรกฎาคม 2559 : คำอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องการถือหุ้นของ JTrust

คำอธิบายเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เรื่องการถือหุ้นของ JTrust

04 Jul 2016

เรียน นักลงทุนทุกท่าน

บริษัทใคร่ขอเรียนชี้แจงเรื่องเกี่ยวกับการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ JTrust Asia Pte.Ltd. (JTA) ว่าในเว็บไซท์ของตลาดหลักทรัพย์ จะไม่แสดงชื่อ JTA เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ อีกต่อไป เนื่องจาก JTA ได้โอนหุ้นในส่วนของตนไปฝากไว้กับคัสโตเดียน ดังนั้น ในระบบของตลาดหลักทรัพย์ จึงแสดงแต่เพียงชื่อของคัสโตเดียนเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯแทน ซึ่งการโอนหุ้นให้กับคัสโตเดียนดูแลของ JTA ในครั้งนี้ อาจทำให้นักลงทุนสับสนได้

JTA เป็นบริษัทในกลุ่มของ J Trust Company Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยหนึ่งในบริษัทย่อยก็คือ J Trust Bank ซึ่งนับเป็นหุ้นส่วนสำคัญทางธุรกิจที่มีเจตนารมย์อันแรงกล้าร่วมกับบริษัทฯ ในการขยายธุรกิจที่ประเทศอินโดนิเซีย ด้วยโมเดลธุรกิจ “ดิจิทัล ไฟแนนซ์” ไปด้วยกัน

ถึงแม้ว่าในเว็บไซท์ของตลาดหลักทรัพย์จะไม่ปรากฎชื่อว่า JTA เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทโดยตรง แต่แท้ที่จริงแล้ว JTA ยังคงถือหุ้นจำนวนร้อยละ 6.43 ตั้งแต่เมื่อแรกแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพเช่นเดิม โดยมิได้ขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว การใช้บริการคัสโตเดียนเป็นผู้ดูแลหุ้นให้นั้น ถือเป็นเรื่องปกติที่มีการปฏิบัติกันทั่วโลก และการไม่ปรากฎชื่อเจ้าของหุ้นในระบบของตลาดหลักทรัพย์นั้นก็ถือเป็นเรื่องปกติที่กระทำได้เช่นกัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอเรียนยืนยันต่อนักลงทุนผู้มีเกียรติของเราอีกครั้งว่า JTA ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะขายหุ้น GL เลยและความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ กับ JTA ก็ยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในความเป็นจริงแล้ว สัญญาที่มีระหว่างกันเมื่อตอนที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพนั้น ระบุว่า JTA จะต้องถือหุ้นของบริษัทฯ อย่างน้อย 2 ปี

ในวันนี้ เราได้ติดต่อไปที่ JTA อีกครั้ง และขอประกาศแทน JTA ว่า JTA ขอยืนยันต่อนักลงทุนทุกท่านว่า JTA ยังคงเป็นหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ของ GL ในการขยายธุรกิจที่จะนำธุรกิจอันเป็นนวัตกรรมใหม่ “ดิจิทัลไฟแนนซ์” โมเดลไปสู่ชาวโลกร่วมกัน โดยที่ไม่เคยมีความตั้งใจที่จะขายหุ้นแต่อย่างใดเลย

ท่านสามารถเข้าไปดูข่าวประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ในเว็บไซท์ของบริษัท ซึ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 ได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้

URL: http://gl.listedcompany.com/news.html/id/531876

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

27 มิถุนายน 2559 : GL ประกาศ Brexit เป็นผลบวกกับธุรกิจ ชี้เป็นโอกาสเทคโอเวอร์กิจการราคาถูก พร้อมยืนยัน J Trust Asia ไม่ขายหุ้น

GL ประกาศ Brexit เป็นผลบวกกับธุรกิจ ชี้เป็นโอกาสเทคโอเวอร์กิจการราคาถูก พร้อมยืนยัน J Trust Asia ไม่ขายหุ้น

27 Jun 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน มั่นใจผลโหวต Brexit เป็นผลดีกับธุรกิจ หลังบริษัทฯ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง หนี้สินต่อทุนต่ำและจะได้เงินทุนใหม่จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ชี้เป็นจังหวะที่ดีในการเทคโอเวอร์กิจการในราคาต่ำ พร้อมมองโอกาสเข้าลงทุนในอินโดนีเซีย เวียดนามและศรีลังกา ด้านผู้บริหารยืนยันพาร์ทเนอร์ J Trust Asia ยังถือหุ้นทั้งหมด 6.43% ไม่ได้ขายหุ้นออกไป พร้อมร่วมกันขยายธุรกิจในอินโดนีเซียและอาเซียน ขณะที่ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติออกวอแรนท์ GL-W4 และหุ้นกู้แปลงสภาพอีกไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ J Trust Asia เพื่อนำเงินทุนมาใช้ขยายกิจการต่อเนื่อง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน เปิดเผยว่า จากที่ประเทศอังกฤษได้ลงประชามติ Brexit ให้แยกตัวออกจากการเป็นประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรปนั้น มีความมั่นใจว่าจะเป็นผลดีต่อการขยายธุรกิจของ GL เนื่องจากปัจจุบันบริษัทฯ มีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนต่ำเพียง 0.5 เท่า ประกอบกับในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) จึงทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมด้านเงินทุนที่จะนำมาใช้ขยายกิจการในช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตในทุกสถานการณ์ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีโอกาสเข้าควบรวมกิจการ (M&A) ได้ในราคาที่ต่ำ เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนได้อย่างรวดเร็ว

โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าภายใต้การดำเนินธุรกิจด้วยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์นั้น จะสามารถนำไปใช้ขยายธุรกิจได้กับทุกประเทศ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา GL ได้รับข้อเสนอให้เข้าควบรวมกิจการจากผู้ประกอบการธุรกิจด้านการเงินในอาเซียนหลายราย แต่ยังไม่มีข้อสรุปเนื่องจากราคาค่อนข้างสูง

“มองว่าผลจากการลงประชามติ Brexit จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่ดีอีกมากมายในการเข้าควบรวมกิจการ โดยเรามองไปที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนามและศรีลังกา ซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยความปั่นป่วนในตลาดเงินและตลาดทุนอันเป็นผลสืบเนื่องจาก Brexit จะทำให้เป้าหมายในการเทคโอเวอร์ของเราราคาถูกลง” นายมิทซึจิ กล่าว

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GL กล่าวชี้แจงว่า ในส่วนของ J Trust Asia Pte. Ltd (JTA) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GL ตามที่ปรากฏใน www.set .or.th นั้น หลังจากใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญของบริษัทฯ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทาง JTA ยืนยืนว่าไม่มีการขายหุ้นออกไปและพร้อมร่วมมือกับ GL ขยายธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียและภูมิภาคอาเซียนในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยปัจจุบันยังคงถือหุ้นในGL 6.43% หรือคิดเป็นจำนวน 98.1 ล้านหุ้น อย่างไรก็ตามกรณีที่ www.set.or.th ได้ปรากฏรายชื่อ JTA เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ที่ 4.82% หรือคิดเป็นจำนวน 73.575 ล้านหุ้นนั้น เกิดจากมีการถือหุ้นบางส่วนผ่านทาง Custodian จึงส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ซึ่งทาง GL ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ แล้ว

ทั้งนี้ จากการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 9 หุ้นเดิมต่อ 1 วอแรนท์ กำหนดเงื่อนไขการแปลงสภาพ 1 วอแรนท์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคาแปลงสภาพ 40 บาท ภายในระยะเวลา 2 ปีนับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแปลงสภาพที่ราคา 40 บาทต่อหน่วย ภายในกำหนด 2 ปี จะส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับเงินทุนก้อนใหม่จำนวนมากเพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจในประเทศไทยและดำเนินธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ใน สปป.ลาวรวมถึงภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิรุ่นที่ 8 (GL-W4) ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 และกำหนดวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวในวันที่ 6 กรกฎาคม 2559

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังมีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนไม่เกิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ ให้แก่กลุ่มพันธมิตรญี่ปุ่น JTA โดยกำหนดราคาแปลงสภาพ 1 หุ้นกู้ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ภายในระยะเวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 5% ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและกลุ่ม J Trust Asia ใช้สิทธิแปลงสภาพทั้งหมด จะส่งผลให้ GL มีแหล่งเงินทุนใหม่เพิ่มขึ้นในทันทีเพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจในกัมพูชาให้มีพอร์ตสินเชื่อที่หลากหลายและปล่อยสินเชื่อให้แก่กลุ่ม SMEs ซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่จัดจำหน่ายสินค้าประเภทต่างๆ ให้แก่ลูกค้าที่ GL เป็นผู้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อ

พร้อมกันนี้ในที่ประชุมได้มีมติอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทฯ เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิและสิทธิแปลงสภาพของหุ้นกู้แปลงสภาพ โดยการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 285.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท แบ่งเป็นการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 170 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้ใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 115.05 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพของหุ้นแปลงสภาพ

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

10 มิถุนายน 2559 : สัดส่วนการถือหุ้นของ JTA ยังไม่เปลี่ยนแปลง

สัดส่วนการถือหุ้นของ JTA ยังไม่เปลี่ยนแปลง

10 Jun 2016

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา เว็บไซท์ของตลาดหลักทรัพย์ ได้แสดงตัวเลขการถือหุ้นของ JTrust Asia Pte. Ltd. (JTA) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจากการใช้สิทธิแปลงสภาพหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Debenture) เป็นหุ้นสามัญของบริษัท เมื่อปลายปี 2558 โดยแสดงว่ามีสัดส่วนการถือหุ้นเพียงร้อยละ 4.82 จากสัดส่วนเดิมเมื่อแปลงสภาพที่ร้อยละ 6.43 ข้อมูลนี้จึงอาจทำให้นักลงทุนสับสนได้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว JTA ยังคงถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วนร้อยละ 6.43 เท่าเดิมโดยมิได้มีการขายหุ้นแม้แต่หุ้นเดียว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้สอบถามไปยัง JTA โดยตรงแล้วและขอยืนยันว่า JTA ยังมิได้ขายหุ้นของบริษัท และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเพื่อร่วมกันสนับสนุนการขยายธุรกิจที่เป็นนวัตกรรมรูปแบบใหม่ที่บริษัทได้ริเริ่มขึ้น คือ ‘ดิจิทัล ไฟแนนซ์’ โดยมิได้มีความตั้งใจที่จะขายหุ้นในส่วนของตนแต่อย่างใด

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

23 May 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน จับมือกลุ่ม J Trust จากญี่ปุ่น รุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประชากรกว่า 250 ล้านคน หลังกลุ่ม GL ประสบความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจจากประเทศไทยสู่กัมพูชาและ สปป.ลาว โดยสามารถเพิ่มยอดสินเชื่ออย่างมากและผลักดันกำไรสู่นิวไฮอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม GL และ J Trust ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นหลังคณะกรรมการของ GL ลงมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัท J Trust Asia (JTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ J Trust ในประเทศญี่ปุ่น โดยนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ GL ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพชุดแรกมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ JTA เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และ JTA ได้แปลงสภาพทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญของ GL เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

J Trust เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของญี่ปุ่นซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยมีธุรกิจทางการเงินหลายอย่างรวมทั้งเป็นเจ้าของธนาคาร J Trust Bank ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาขา 62 แห่ง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวว่า การผนึกกำลังกับ J Trust ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยธนาคาร J Trust Bank มีใบอนุญาตระดมเงินฝากในอินโดนีเซียจะรับผิดชอบในส่วนของการระดมทุน ขณะที่ฝ่าย GL โดยบริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนในอินโดนีเซียคือบริษัท GLFI มีหน้าที่บริหารจัดการเงินทุนที่ระดมมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยอาศัยเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์ที่ GL พัฒนาขึ้นมาเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า

“นับเป็นความร่วมมือที่สุดยอดระหว่างธนาคารกับบริษัทไฟแนนซ์” นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจง

สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น บริษัทร่วมทุนของ GL คือ GLFI ซึ่ง GL ถือหุ้นอยู่ 65% และ JTA ถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือโดยนักลงทุนท้องถิ่นนั้น จะไม่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากมีการแข่งขันสูง แต่จะเน้นปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ GL ได้ให้บริการสินเชื่อเหล่านี้อยู่แล้วในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยในอินโดนีเซียนั้นมีแผนจะขยายสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอินโดนีเซีย อาทิ การซ่อมแซมบ้าน การปรับปรุงเรือกสวนไร่นาและการสต็อกสินค้า

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้นจะสามารถสร้างอัตรากำไรสูงและคาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยจะนำระบบดิจิตอลไฟแนนซ์มาใช้หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่ง GL คาดว่าตลาดอินโดนีเซียมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมหาศาลหรือใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาประมาณ 10 เท่า เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน โดยขณะนี้กำลังรอใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียและคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 2 นี้

ในขณะเดียวกันประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ J Trust Mr.Nobuyoshi Fujisawa กล่าวแสดงความมั่นใจเช่นเดียวกันว่า ความร่วมมือระหว่าง J Trust กับ GL นั้น จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายในการรุกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียและตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ นอกจากหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ คณะกรรมการ GL ยังได้ลงมติออกใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย โดยแจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 กำหนดระยะเวลา 2 ปี อัตราการแปลงสภาพ 1 วอแรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและ JTA ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิและหุ้นกู้ทั้งหมด GL จะได้เงินทุนใหม่เป็นมูลค่ารวมถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

23 พฤษภาคม 2559 :GL ผนึกกำลัง J Trust รุกตลาดอินโดนีเซีย

GL ผนึกกำลัง J Trust รุกใหญ่ตลาดอินโดนีเซีย

23 May 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้บุกเบิกธุรกิจดิจิตอลไฟแนนซ์ในอาเซียน จับมือกลุ่ม J Trust จากญี่ปุ่น รุกตลาดอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียนโดยมีประชากรกว่า 250 ล้านคน หลังกลุ่ม GL ประสบความสำเร็จในการขยายฐานธุรกิจจากประเทศไทยสู่กัมพูชาและ สปป.ลาว โดยสามารถเพิ่มยอดสินเชื่ออย่างมากและผลักดันกำไรสู่นิวไฮอย่างต่อเนื่อง

กลุ่ม GL และ J Trust ผนึกกำลังกันอย่างเหนียวแน่นหลังคณะกรรมการของ GL ลงมติเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาในการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวนเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัท J Trust Asia (JTA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ J Trust ในประเทศญี่ปุ่น โดยนับเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ GL ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพชุดแรกมูลค่า 30 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ JTA เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว และ JTA ได้แปลงสภาพทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญของ GL เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา

J Trust เป็นกลุ่มการเงินชั้นนำของญี่ปุ่นซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดยมีธุรกิจทางการเงินหลายอย่างรวมทั้งเป็นเจ้าของธนาคาร J Trust Bank ในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งมีสาขา 62 แห่ง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL กล่าวว่า การผนึกกำลังกับ J Trust ในครั้งนี้ถือว่าเป็นการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญและจะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน โดยธนาคาร J Trust Bank มีใบอนุญาตระดมเงินฝากในอินโดนีเซียจะรับผิดชอบในส่วนของการระดมทุน ขณะที่ฝ่าย GL โดยบริษัทร่วมทุนที่จดทะเบียนในอินโดนีเซียคือบริษัท GLFI มีหน้าที่บริหารจัดการเงินทุนที่ระดมมาได้อย่างมีประสิทธิภาพเต็มที่ โดยอาศัยเครื่องมือและแพลตฟอร์มดิจิตอลไฟแนนซ์ที่ GL พัฒนาขึ้นมาเพื่อปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้า

“นับเป็นความร่วมมือที่สุดยอดระหว่างธนาคารกับบริษัทไฟแนนซ์” นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจง

สำหรับธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้น บริษัทร่วมทุนของ GL คือ GLFI ซึ่ง GL ถือหุ้นอยู่ 65% และ JTA ถือหุ้น 20% ส่วนที่เหลืออีก 15% ถือโดยนักลงทุนท้องถิ่นนั้น จะไม่ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถมอเตอร์ไซค์เนื่องจากมีการแข่งขันสูง แต่จะเน้นปล่อยสินเชื่อเครื่องจักรกลการเกษตร แผงโซล่าร์เซลล์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ GL ได้ให้บริการสินเชื่อเหล่านี้อยู่แล้วในประเทศกัมพูชาและ สปป.ลาว โดยในอินโดนีเซียนั้นมีแผนจะขยายสินเชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวอินโดนีเซีย อาทิ การซ่อมแซมบ้าน การปรับปรุงเรือกสวนไร่นาและการสต็อกสินค้า

นายมิทซึจิ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียนั้นจะสามารถสร้างอัตรากำไรสูงและคาดว่าจะเริ่มทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น โดยจะนำระบบดิจิตอลไฟแนนซ์มาใช้หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในกัมพูชาและ สปป.ลาว ซึ่ง GL คาดว่าตลาดอินโดนีเซียมีศักยภาพในการขยายตัวอย่างมหาศาลหรือใหญ่กว่าตลาดกัมพูชาประมาณ 10 เท่า เนื่องจากมีจำนวนประชากรมากกว่า 250 ล้านคน โดยขณะนี้กำลังรอใบอนุญาตจากทางการอินโดนีเซียและคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในไตรมาส 2 นี้

ในขณะเดียวกันประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ J Trust Mr.Nobuyoshi Fujisawa กล่าวแสดงความมั่นใจเช่นเดียวกันว่า ความร่วมมือระหว่าง J Trust กับ GL นั้น จะเอื้อประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายในการรุกเข้าสู่ตลาดอินโดนีเซียและตลาดอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ นอกจากหุ้นกู้แปลงสภาพวงเงิน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ คณะกรรมการ GL ยังได้ลงมติออกใบสำคัญแสดงสิทธิชุดใหม่ (GL-W4) จำนวน 170 ล้านหน่วย โดยแจกให้ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 9 ต่อ 1 กำหนดระยะเวลา 2 ปี อัตราการแปลงสภาพ 1 วอแรนต์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ในราคา 40 บาท ซึ่งหากผู้ถือหุ้นและ JTA ใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิและหุ้นกู้ทั้งหมด GL จะได้เงินทุนใหม่เป็นมูลค่ารวมถึงกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในภูมิภาคอาเซียนในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า