Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

14 กุมภาพันธ์ 2560 : GL กำไร Q4/59 ทุบสถิติทำนิวไฮ เตรียมขยายอาณาจักรสู่บริษัทระดับโลก

GL กำไร Q4/59 ทุบสถิติทำนิวไฮ เตรียมขยายอาณาจักรสู่บริษัทระดับโลก

14 Feb 2017

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 324.4 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 9 ทำให้กำไรทั้งปี 2559 พุ่งขึ้นถึง 1,062.8 ล้านบาท หรือมากกว่า 82% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งกำไรสุทธิดังกล่าวยังสูงกว่าเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท ที่ฝ่ายบริหารได้กำหนดไว้ก่อนหน้า

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย กล่าวชี้แจงว่า ผลประกอบการในรอบปีที่ผ่านมาสะท้อนถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นในทุกตลาดที่ GLดำเนินธุรกิจอยู่ และกำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 ยังได้เริ่มผนวกส่วนแบ่งกำไรจากบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ซึ่ง GL เข้าถือหุ้น 29.99% ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และถึงแม้ว่ากำไรสุทธิในปี 2559 สามารถสร้างสถิติใหม่ก็ตาม นายมิทซึจิยังกล่าวแสดงความมั่นใจว่าผลประกอบการสำหรับปี 2560 นี้ จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากการขยายตัวของธุรกิจปกติ (organic growth) และจากการควบรวมกิจการใหม่ (M&A) โดย GL จะได้รับส่วนแบ่งกำไรเต็มทั้งปีจากการถือหุ้นใน CCF ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศศรีลังกา โดยคาดว่าผลประกอบการของ CCF ในปีนี้จะมีกำไรสุทธิ 32 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่าที่ตั้งเป้าไว้เดิม 30 ล้านเหรียญสหรัฐ

นอกเหนือจากเงินลงทุนในประเทศศรีลังกา ธุรกิจของ GL ในเมียนมาร์จะเดินหน้าเต็มสูบในปีนี้หลังจากที่ GL ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัท BG Microfinance Myanmar (BGMM) และได้ทำข้อตกลงพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับนาย Aung Moe Kyaw ผู้นำธุรกิจสุราในเมียนมาร์ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท Century Finance โดยได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางของเมียนมาร์ในการประกอบธุรกิจไฟแนนซ์

นายมิทซึจิ กล่าวชี้แจงว่า บริษัท BGMM ซึ่งขณะนี้มีสาขากว่า 30 แห่งทั่วประเทศได้ตั้งเป้าปล่อยเงินกู้รายย่อยยอดเงินรวมประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ ในขณะที่บริษัทร่วมทุนอีกแห่งหนึ่งระหว่าง GL กับ Century Finance ซึ่งทำธุรกิจบริหารจัดการส่งผ่านลูกค้าสินเชื่อประเภทต่างๆ ให้กับ Century Finance คาดว่าจะสามารถขยายพอร์ตโฟลิโอได้ถึง 50 ล้านเหรียญสหรัฐเช่นกัน ซึ่งหากสามารถทำได้ตามเป้าของทั้ง 2 แห่ง ยอดสินเชื่อทั้งสิ้นในประเทศเมียนมาร์ในปีนี้จะมีมูลค่ารวม 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในขณะเดียวกัน GL Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซียก็เดินหน้าขยายธุรกิจอย่างแข็งแกร่ง โดยนายมิทซึจิคาดว่าพอร์ตสินเชื่อในอินโดนีเซียปีนี้จะมีมูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสินเชื่อเพื่อการบริโภคและไมโครไฟแนนซ์รูปแบบต่างๆ โดยกลุ่ม GL ตั้งเป้าว่าบริษัท GLFI สามารถสร้างผลตอบแทนในแง่ของผลกำไรอย่างมีนัยสำคัญในระยะยาว เนื่องจากตลาดอินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียนโดยมีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน

สำหรับธุรกิจในกัมพูชาซึ่งสามารถสร้างผลกำไรแซงหน้าประเทศไทยและกลายเป็นตลาดที่สร้างผลกำไรสูงสุดให้กับกลุ่ม GL นั้น นายมิทซึจิคาดว่า บริษัท GL Finance (GLF) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้นโดย GL จะสามารถเพิ่มพอร์ตสินเชื่อได้ประมาณ 1 เท่าตัวในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นเป็น 400 ล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี สำหรับธุรกิจในกัมพูชานั้นถือว่าเป็นต้นแบบของความสำเร็จ โดยฝ่ายไอทีของ GL สามารถพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูงและต้นทุนต่ำ โดยใช้ระบบไอทีและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเข้าเสริมประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้าทุกขั้นตอน ตั้งแต่การประเมินและอนุมัติเงินกู้ไปจนถึงการชำระค่างวดรายเดือนของลูกค้า ซึ่ง GL ได้นำแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ดังกล่าวขยายไปใช้ในทุกตลาดที่ GL ดำเนินธุรกิจอยู่

นายมิทซึจิกล่าวชี้แจงว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์มีส่วนสำคัญมากในการช่วยให้ GL สามารถขยายไปสู่ตลาดใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ซึ่ง GL ขณะนี้มีธุรกิจอยู่ใน 7 ประเทศ ประกอบด้วย ประเทศไทย สิงคโปร์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ อินโดนีเซียและศรีลังกา โดย GL ได้ตั้งเป้าว่าจะขยายไปสู่ตลาดใหม่อีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและยุโรปตะวันออกภายในปีนี้ ทำให้อาณาจักรธุรกิจครอบคลุมรวม 20 ประทศ ทั้งนี้ถือเป็นแผนยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขยายมุ่งสู่บริษัทชั้นนำระดับโลก

 

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

14 กุมภาพันธ์ 2560 : บริษัท GL Finance Plc. และตัวแทนรัฐบาลประเทศสหรัฐในนาม OPIC ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงเงินกู้ร่วมกัน เพื่อประกันเงินกู้จาก WorldBusiness Capital Inc. โดยรับการสนับสนุนค้ำประกันจาก OPIC

บริษัท GL Finance Plc. และตัวแทนรัฐบาลประเทศสหรัฐในนาม OPIC ได้เซ็นสัญญาข้อตกลงเงินกู้ร่วมกัน เพื่อประกันเงินกู้จาก WorldBusiness Capital Inc. โดยรับการสนับสนุนค้ำประกันจาก OPIC

14 Feb 2017

บริษัท GL Finance Plc. (กัมพูชา) กำลังอยู่ในขั้นตอนการผูกพันสัญญาเงินกู้จำนวน 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐกับ WorldBusiness Capital, Inc. (WBC *1) ข้อตกลงจะได้รับการรับประกันจาก OPIC (*2) สถาบันพัฒนาด้านการเงินของรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาในกรุงวอชิงตัน ดี ซี เอกสารการขอกู้ยืมได้อยู่ในกระบวนการพิจารณาและการจ่ายเงินงวดแรกคาดหวังว่าจะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาส 2 ปี 2560 ข้อตกลงการช่วยเหลือทางการเงินจาก OPIC มีข้อกำหนดว่าต้องมีผู้ค้ำประกันจากสหรัฐและเงินลงทุนจาก Creation Investments (*3) โดย บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) จะเป็นผู้ค้ำประกันในส่วนนี้ ข้อตกลงการช่วยเหลือทางการเงินของ OPIC ในครั้งนี้จะเป็นการเปิดประตูของแหล่งเงินทุนอื่นๆ จาก OPIC รวมทั้งเงินทุนจากสถาบันการเงินอื่นๆ สำหรับ GL ในภายภาคหน้า

เหตุผลสำคัญของโอกาสทางธุรกิจอันยอดเยี่ยมสำหรับ GL ในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจาก OPIC ได้ตระหนักถึงการเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพัฒนาคุณภาพชีวิตรวมทั้งสิทธิมนุษยชนของประชากรโลกให้ดีขึ้น ทั้งจากการสนับสนุนของ Creation Investments Capital Management ซึ่งเป็นนักลงทุนระยะยาวของ GL

*1 WorldBusiness Capital, Inc. (WBC) ก่อตั้งในปี 2546 ซึ่งมีฐานที่ตั้งใน ฮาร์ทฟอร์ด รัฐคอนเน็ค-ติกัท เป็นบริษัทการเงินเพื่อการลงทุนโดยตรงที่เสนอเงื่อนไขเงินกู้ที่มีความยืดหยุ่นเพื่อช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ในการแข่งขันระดับโลก บริษัทประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญหลากหลายภาษาและการประกอบธุกิจในด้านต่างๆ จากหลายสาขาทั่วทุกมุมโลก รวมทั้งภาพรวมของผลงานการดำเนินงานด้านการเงินที่ประสบความสำเร็จจากหลายภาคส่วนที่ผ่านมา WBC มุ่งเน้นการปล่อยกู้ให้กับภาคส่วนที่มีสินทรัพย์หนาแน่น เช่น โรงงาน ผู้ค้าส่ง การบริการกระจายสินค้า การขนส่ง ธุรกิจการเกษตร การแปรรูปอาหาร การห่อบรรจุภัณฑ์ การผลิตผลิตภัณฑ์หมุนเวียน ปล่อยเช่าเครื่องมือ และ เงินทุนเพื่อพาณิชย์ ผู้กู้ทั้งหมดจะต้องมีความเกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจของสหรัฐ โดยทั่วไปผู้กู้จะมีรายได้ประมาณ 10-150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ WBC เป็นหุ้นส่วนในการปล่อนสินเชื่อที่ได้รับการรับรองกับ the Overseas Private Investment Corporation (OPIC) หรือสถาบันพัฒนาด้านการเงินของรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกา

*2 Overseas Private Investment Corporation (OPIC) บรรษัทการลงทุนเอกชนในต่างประเทศเริ่มก่อตั้ง ในปี 2514 เป็นสถาบันพัฒนาด้านการเงินของรัฐบาลแห่งสหรัฐอเมริกาที่มีการบริหารจัดการด้วยตนเองโดยที่ไม่ต้องพึ่งเงินภาษีจากส่วนภาครัฐ โดยทำหน้าที่ช่วยเหลือภาคเอกชนระดมเงินทุนและลงทุนในการบุกตลาดเกิดใหม่ เพื่อสร้างรายได้ ตำแหน่งงานและโอกาสในการเติบโตทั้งในและต่างประเทศ นับแต่ 30 กันยายน 2559 OPIC ยอดรวมในโครงการเท่ากับ 21.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บรรลุเป้ามายดังกล่าวด้วยการจัดหาเงินทุน การค้ำประกัน การรับประกันความเสี่ยงทางการเมือง และการสนับสนุนกองทุนเพื่อการลงทุน ในขณะที่เงินทุนไม่สามารถถูกจัดสรรได้จากแหล่งอื่น

โครงการทั้งหมด OPIC มุ่งเน้นความสำคัญของการรักษาสิ่งแวดล้อมและมาตรฐานความเป็นอยู่ในสังคม รวมทั้งเคารพในสิทธิมนุษยชนและสิทธิของลูกจ้าง OPIC มีการรักษามาตรฐานที่สูงเพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานในอุตสาหรรมและท้องถิ่นของประเทศที่ได้รับเงินทุนช่วยเหลือ มีการให้บริการสำหรับกลุ่มธุรกิจใหม่และที่ต้องการขยายเครือข่าย ในมากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก

*3 Creation Investments Capital Management: บรรษัทการลงทุนเอกชนซึ่งมีฐานที่ตั้งในชิคาโก มุ่งเน้นการระดมทุนในตลาดเกิดใหม่ ในปัจจุบันมีแนวนโยบายทางการเงินถึง 15 แบบกับบริษัททางการเงินทั้งในลาตินอเมริกา เอเชียใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และยุโรปตะวันออก Creation มีทั้งลูกค้าบุคคลธรรมดาและธุรกิจขนาดย่อมที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากทางธนาคารกว่า 7 ล้านราย รวมเป็นยอดเงินกู้ทั้งหมดกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นักลงทุนของบรรษัททั้งเป็นนักลงทุนสถาบันและส่วนบุคคลที่ต่างมุ่งหวังในการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจและการตอบแทนสังคม

Creation เป็นผู้ถือหุ้นใน GL เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี และเป็นบรรษัทรับประกันตราสารเงินฝากจำนวนมูลค่า 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

08 กุมภาพันธ์ 2560 : GL บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

GL บริจาคเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้

08 Feb 2017

ริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือโดยนายมุเนะโอะ ทาชิโร่ (กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ) บริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ จำนวน 100,000 บาท ณ สภากาชาดไทย โดยมีม.ร.ว. ปรียางค์ศรี วัฒนคุณ (ผู้ช่วยเลขาธิการฯ และผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้) และนางจันทร์ประภา วิชิตชลชัย (รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหารายได้) เป็นผู้รับมอบ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา

 

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

04 มกราคม 2560 : GL พุ่งทะยานสู่บริษัทระดับโลก รุกขยายเครือข่ายครอบคลุม 20 ประเทศในปีนี้

GL พุ่งทะยานสู่บริษัทระดับโลก รุกขยายเครือข่ายครอบคลุม 20 ประเทศในปีนี้

04 Jan 2017

บมจ.กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย ประกาศแผนงานขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในปี 2560 ตั้งเป้ามุ่งสู่บริษัทระดับโลก จากปัจจุบันที่มีเครือข่ายธุรกิจใน 7 ประเทศในเอเชีย รุกเจาะตลาดใหม่อีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก ซึ่งจะทำให้มีเครือข่ายธุรกิจรวม 20 ประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย กล่าวชี้แจงว่า โมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL สามารถนำไปใช้ได้ในทุกประเทศ ดังนั้นจึงสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยนายมิทซึจิเพิ่งเดินทางกลับจากการไปสำรวจตลาดในประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ซึ่งเขามีความประทับใจมากว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก คล้ายกับอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกาตลอดจนเศรษฐกิจเกิดใหม่ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก

จากฐานธุรกิจหลักในประเทศไทย GL ได้รุกขยายธุรกิจไปยังอีก 6 ประเทศในทวีปเอเชีย ประกอบด้วย สิงคโปร์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์ อินโดนีเซียและล่าสุดคือประเทศศรีลังกา นายมิทซึจิกล่าวว่า เป้าหมายหลักในปีใหม่นี้คือการรุกขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของ GL (Consumer finance) ผสมกับระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังอีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและยุโรปตะวันออก ซึ่งจะทำให้ GL มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 20 ประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท GL ภายใต้การบริหารจัดการของนายมิทซึจินับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะจากการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปสู่กลุ่มประเทศในอาเซียน โดยโมเดลธุรกิจซึ่งอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้นทุนต่ำสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิ 260.41 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 นับเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ซึ่งทำให้ยอดกำไรสุทธิรวม 9 เดือนของปี 2559 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 738 ล้านบาท โดยผู้บริหารของบริษัทฯ แสดงความมั่นใจว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป

ในการประชุมสมัยวิสามัญเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นของ GL ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนงานของบริษัทฯ ในการเข้าซื้อหุ้น 29.99% ของบริษัท Commercial Credit & Finance PLC (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่มีผลประกอบการดีมากและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศศรีลังกา และการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ BG Microfinance Myanmar (BGMM) ซึ่งเป็นบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ โดยการเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ตลอดจนการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนถือเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจเชิงรุก ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของ GL อธิบายว่าเป็นการ ‘รุกทะยานครั้งใหญ่’ (Great Leap Forward) โดยองค์ประกอบสำคัญคือการเติบโตจากธุรกิจเดิม (Organic growth) ควบคู่กับการควบรวมกิจการ เช่น ในกรณี CCF และ BGMM

ผู้บริหารของบริษัทฯ แสดงความมั่นใจว่า การเข้าซื้อหุ้นใน CCF นั้น จะมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของกลุ่ม GL เนื่องจาก CCF เป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีผลกำไรเป็นที่น่าประทับใจ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 22 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ จากการที่ GL เข้าซื้อหุ้น 29.99% ของ CCF ทำให้สามารถเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2559

โดยกลุ่มบริษัท GL นับว่ามีความแตกต่างจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไป เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไปมักจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในเมืองหลวงใหญ่ๆ หรือเขตเมืองที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่กลุ่ม GL พุ่งเป้าไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ในระดับรากหญ้าซึ่งมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นให้สินเชื่อรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตตลอดจนให้สินเชื่อกับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เพื่อช่วยเกื้อหนุนการประกอบธุรกิจ

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

21 ธันวาคม 2559 : สารจากผู้บริหารเรื่องดัชนีตลาดลักทรัพย์กับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ

สารจากผู้บริหารเรื่องดัชนีตลาดลักทรัพย์กับการขยายธุรกิจของบริษัทฯ

21 Dec 2016

เรียน นักลงทุนทุกท่าน

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ บริษัทฯ ได้รับคำถามจากนักลงทุนมากมาย ทั้งนักลงทุนรายย่อย สถาบันในประเทศและสถาบันต่างประเทศ ซึ่งสอบถามว่าเหตุใด GL จึงถูกคัดชื่อออกจากดัชนี SET100 หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ได้มีการทบทวนรายชื่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทฯ รู้สึกชื่นชมในความเอาใจใส่ที่นักลงทุนมีให้กับบริษัทฯเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ดี เราไม่สามารถให้คำตอบในคำถามนี้ได้ และเห็นว่าคำถามนี้ควรจะถูกถามโดยตรงไปยังตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลการคัดเลือกรายชื่อที่จะอยู่ในดัชนีดังกล่าว

ทุกท่านคงทราบดีแล้วว่า การที่ GL ไม่ได้อยู่ในรายชื่อของ เซ็ทอินเด็กซ์นั้น ไม่ได้มีผลต่อธุรกิจของบริษัทฯ แต่อย่างใด เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาธุรกิจออกไปอย่างรวดเร็วตามเป้าหมายหลักที่วางไว้ และจะเป็นเช่นนี้ต่อไป ซึ่งผลงานที่ผ่านมานั้นก็ทำให้บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี MSCI Thailand Small Cap Index (ในลำดับที่ 4 จาก 88 หลักทรัพย์) ดัชนีนี้สร้างขึ้นโดย MSCI ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศที่สำคัญในการจัดอันดับดัชนีหลักทรัพย์

อย่างน้อยที่สุด เหตุการณ์นี้ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ และเอาใจใส่ของทุกท่านต่อ GL และยังเป็นแรงสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้แก่บริษัทฯ เป็นอย่างดี ดังนั้น ในฐานะตัวแทนของผู้บริหาร ผมขอให้ความมั่นใจต่อทุกท่านว่า เราจะทำงานกันอย่างหนักเพื่อตอบสนองความคาดหวังของทุกท่าน ในขณะที่ยังคงรักษามาตรฐานที่สูงของการดำเนินธุรกิจ

 

                                          ขอขอบพระคุณในความไว้ใจและการสนับสนุนที่ดีจากทุกท่าน

 

ด้วยความนับถือ

 

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ
ประธานกรรมการบริหาร

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

13 ธันวาคม 2559 : สรุปมติจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2559

สรุปมติจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2559

13 Dec 2016

สรุปมติจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2559 ของบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559 เวลา 10.00 – 16.45 น. ณ ห้องเมจิก 2 ชั้น 2 โรงแรม มิราเคิล แกรนด์ คอนเวชั่น

รายละเอียดติดตามได้ในวิดีโอที่นี่

ท่านสามารถดูสไลด์ประกอบการบรรยายของ VDO โดยดูเลขหน้าที่ปรากฏอยู่มุมซ้ายล่างบนหน้าจอ

 

Attachments

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 ธันวาคม 2559 : ผู้ถือหุ้น GL อนุมัติแผนลงทุนและออกหุ้นแปลงสภาพ

ผู้ถือหุ้น GL อนุมัติแผนลงทุนและออกหุ้นแปลงสภาพ

07 Dec 2016

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ (กลาง) ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัทฯ จัดการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2559 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติแผนลงทุนเข้าซื้อหุ้นใน Commercial Credit and Finance PLC (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา และเข้าซื้อหุ้นใน BG Microfinance Myanmar Co., Ltd. (BGMM) ซึ่งเป็นบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ รวมถึงอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ลงทุนที่เป็นพันธมิตรในต่างประเทศ 2 ราย มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลักดันผลการดำเนินงานเติบโตตามเป้าหมาย และก้าวสู่การเป็นบริษัทดิจิทัลไฟแนนซ์ระดับโลก

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

07 ธันวาคม 2559 : ผู้ถือหุ้น GL ไฟเขียวเข้าลงทุนในบริษัทไฟแนนซ์ศรีลังกาและเมียนมาร์ ดันศักยภาพบริษัทก้าวสู่บิ๊กเพลย์เยอร์ระดับโลก

ผู้ถือหุ้น GL ไฟเขียวเข้าลงทุนในบริษัทไฟแนนซ์ศรีลังกาและเมียนมาร์ ดันศักยภาพบริษัทก้าวสู่บิ๊กเพลย์เยอร์ระดับโลก

07 Dec 2016

ผู้ถือหุ้น บมจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ไฟเขียวอนุมัติแผนลงทุนซื้อหุ้น 22.27% ใน Commercial Credit and Finance PLC (CCF) บริษัทไมโครไฟแนนซ์ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อหุ้นใน CCF รวม 29.99% โดยส่วนที่เหลืออีก 7.72% จะเข้าซื้อจากผู้ถือหุ้นอีก 2 รายซึ่งไม่ต้องขออนุมัติผู้ถือหุ้นเนื่องจากไม่มีความเกี่ยวโยงกัน คาดช่วยหนุนผลการดำเนินงานพุ่ง หลังเตรียมบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน CCF ทันทีในไตรมาส 4 นี้ ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ผู้ถือหุ้นยังอนุมัติเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ BG Microfinance Myanmar Co., Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ เพื่อรุกธุรกิจรองรับตลาดที่มีความต้องการสินเชื่อจำนวนมาก ส่วนแผนออกหุ้นให้พันธมิตรเพื่อใช้เป็นเงินทุนขยายธุรกิจผ่านฉลุย

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2559 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2559 นั้น ผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้ GL ขยายการลงทุนธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย เพื่อผลักดันการเติบโต โดยอนุมัติให้ Group Lease Holdings PTE. Ltd (GLH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GL ที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ เข้าซื้อหุ้น 22.27% ในบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) จาก Creation Investments Sri Lanka LLC (Creation SL) ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจไฟแนนซ์ชั้นนำที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ศรีลังกาที่มีฐานลูกค้าประมาณ 1 ล้านราย เพื่อรุกขยายธุรกิจของ GL จากในภูมิภาคอาเซียนออกไปสู่ประเทศศรีลังกาที่ตั้งอยู่ในแถบเอเชียใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจกำลังขยายตัว

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้น 22.27% ดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของการเข้าซื้อหุ้นรวม 29.99% ใน CCF ซึ่งในส่วนที่เหลืออีก 7.72% นั้น GLH ได้เข้าซื้อจากผู้ถือหุ้นอีก 2 ราย ได้แก่ BG Investments (PVT) Ltd. และนาย Stephen L Lafrance Jr. ซึ่งเป็นรายการที่ไม่ต้องได้รับการอนุมัติเพิ่มเติมจากผู้ถือหุ้นเนื่องจากไม่ได้เป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวโยงกัน โดยจะใช้เงินทุนทั้งหมดใน CCF ประมาณ 2,514 ล้านบาท (ประมาณ 10,588.35 ล้านรูปีศรีลังกา)

สำหรับการเข้าลงทุนใน CCF ครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ GL ตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป โดยจะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน CCF ประมาณ 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 244.6 ล้านบาท จาก คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 ของ CCF อยู่ที่ 22 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 นอกจากนี้ GL จะได้รับประโยชน์จากเข้าถึงโนว์ฮาวธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดขยายธุรกิจในประเทศกัมพูชา สปป.ลาว อินโดนีเซียและไทยต่อไป

ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ GL กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติให้ GL และ/หรือ GLH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์ เข้าซื้อหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดจำนวน 1,387,680 หุ้นของบริษัท BG Microfinance Myanmar Co., Ltd. (BGMM) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการไมโครไฟแนนซ์ในประเทศเมียนมาร์ ในราคาหุ้นละประมาณ 5.77 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 199.79 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเงินลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 277.24 ล้านบาท

ทั้งนี้ การเข้าซื้อหุ้น BGMM จะส่งผลดีต่อ GL ที่สามารถรุกขยายธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ ซึ่งเป็นตลาดที่มีประชากรจำนวนกว่า 60 ล้านคนและมีความต้องการสินเชื่อเป็นจำนวนมากได้ในทันที ซึ่งปัจจุบันในการได้รับใบอนุญาตใหม่เพื่อประกอบกิจการสินเชื่อรายย่อยจากธนาคารกลางของเมียนมาร์นั้นเป็นไปได้ยาก โดย BGMM ดำเนินธุรกิจมากว่า 2 ปี มีฐานลูกค้าเกือบ 10,000 ราย และมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ 41.9 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นได้มีมติอนุมัติการออกหุ้นกู้แปลงสภาพแบบเฉพาะเจาะจงให้แก่ผู้ลงทุนในต่างประเทศ มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็นการออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่าไม่เกิน 50 ล้านเหรียญสหรัฐให้แก่ J Trust Asia (JTA) ซึ่งเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนในการขยายธุรกิจและเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL และการออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีก 20 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับพันธมิตรอีกรายหนึ่งในศรีลังกาคือบริษัท Creation SL เพื่อเตรียมเงินทุนก้อนใหม่สำหรับการรุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นกู้แปลงสภาพรุ่นใหม่นี้มีอายุ 3 ปีและได้กำหนดราคาแปลงสภาพที่ 70 บาทต่อ 1 หุ้น

“หลังจากผู้ถือหุ้นอนุมัติแผนลงทุนจะส่งผลดีต่อการรุกขยายธุรกิจของ GL ในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย เพื่อสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมทั้งตั้งเป้าจะผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตตามเป้าหมาย และก้าวไปสู่การเป็นบริษัทดิจิทัลไฟแนนซ์ระดับโลก” นายมิทซึจิ กล่าว

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

28 พฤศจิกายน 2559 : GL รุกทะยานครั้งใหญ่ สู่เป้าหมายบริษัทระดับโลก

GL รุกทะยานครั้งใหญ่ สู่เป้าหมายบริษัทระดับโลก

28 Nov 2016

มจ.กรุ๊ปลีส หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ประกาศความพร้อมรุกทะยานครั้งใหญ่สู่บริษัทดิจิทัลไฟแนนซ์ระดับโลก หลังจากที่ได้รุกขยายธุรกิจสู่ประเทศในกลุ่ม CLMV และอินโดนีเซีย ผนวกกับการโหมทำควบรวมกิจการ โดยเฉพาะในประเทศศรีลังกาและเมียนมาร์ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยคาดหวังผลจากการขยายธุรกิจควบคู่กับการควบรวมกิจการ (M&A) จะสร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้แก่บริษัทฯ จากผู้ให้บริการเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย ก้าวสู่ฐานะใหม่เป็นบริษัท Digital Finance ใหญ่ระดับโลก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้บริการเงินกู้และบริการด้านการเงินอื่นๆ แก่กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นลูกค้าระดับรากหญ้าจำนวนทั้งสิ้น 2,500 ล้านคนในภูมิภาคเอเชียและภูมิภาคอื่นๆ ในท้ายที่สุด

นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน กล่าวชี้แจงกว่า ไฮไลท์ส่วนหนึ่งของการพุ่งทะยานครั้งใหญ่นี้จะส่งผลทำให้มาร์เก็ตแคปของ GL ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พุ่งขึ้น 5 เท่าภายใน 3 ปีข้างหน้า ไปอยู่ที่ 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยนโยบายหลักในการเพิ่มจำนวนลูกค้าอย่างรวดเร็วจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ในระดับรากหญ้าของประเทศต่างๆ ที่ GL ได้รุกขยายเข้าไปให้บริการในขณะนี้และจะขยายธุรกิจเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องในอนาคต “แนวนโยบายในการดำเนินธุรกิจของเราแตกต่างจากสถาบันการเงินอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่สถาบันการเงินอื่นๆ ส่วนใหญ่สนใจให้บริการลูกค้าในเมืองใหญ่หรือพื้นที่เขตเมือง เป้าหมายหลักของเราจะมุ่งเน้นให้บริการกับประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารหรือระบบสินเชื่ออย่างเป็นทางการ โดยเรามุ่งเน้นให้บริการแก่คนส่วนใหญ่เหล่านี้ เพื่อช่วยให้เขาสามารถดำเนินธุรกิจหรือยกระดับคุณภาพชีวิต” นายทัตซึยะ กล่าว

การรุกขยายธุรกิจอย่างก้าวกระโดดจากนี้ไป จะถูกขับเคลื่อนโดยเครือข่ายเอเย่นต์และดีลเลอร์ที่กระจายอยู่ทั่วภูมิภาคนี้ ซึ่งหลักๆ ประกอบด้วยเครือข่ายกลุ่มใหม่ซึ่งเป็นร้านค้าของชำประมาณ 22,000 แห่งในประเทศเมียนมาร์ เครือข่ายเอเย่นต์อีกประมาณ 22,000 รายในประเทศศรีลังกา ตัวแทนของ TRUE Money ประมาณ 5,000 รายและเอเย่นต์ของ GL เองอีกประมาณ 1,000 รายในกัมพูชา นอกเหนือจากนี้ ยังมีตัวแทนจำหน่ายที่ประจำตาม PoS (Points of Sales) อีก 600 รายในประเทศไทย และตัวแทนจำหน่ายใน สปป.ลาวและอินโดนีเซีย ประเทศละประมาณ 300 ราย

นายทัตซึยะชี้แจงว่า ยุทธศาสตร์หลักของ GL คือการใช้ดีลเลอร์เป็นหัวหอกในการขยายธุรกิจ เนื่องจากดีลเลอร์สัมผัสโดยตรงกับลูกค้าโดยใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ของเรา ซึ่งทำให้เราสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วมากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น โดยเครือข่ายเอเย่นต์ทั้งหมดกว่า 50,000 รายในขณะนี้ นับว่าเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเอเย่นต์และดีลเลอร์ที่มีเพียง 1,000 รายในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา และสิ่งที่มีนัยสำคัญยิ่งกว่านี้คือศักยภาพในการรุกขยายจำนวนลูกค้าให้เพิ่มพูนแบบทวีคูณถึง 100 เท่า จากจำนวนประมาณ 200,000 รายเมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยสามารถเพิ่มขยายไปถึง 20 ล้านรายในปัจจุบัน “เราเป็นบริษัทดิจิทัลไฟแนนซ์เพียงแห่งเดียวซึ่งสามารถขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็วเหมือนกับเป็นบริษัทไอที แต่ในขณะเดียวกันยังสามารถสร้างผลกำไรอย่างมากจากธุรกิจเหมือนบริษัทไฟแนนซ์” นายทัตซึยะ กล่าว

การรุกทะยานครั้งใหญ่ในช่วง 3 ปีข้างหน้าจากนี้ไป จะสอดรับกับการขยายธุรกิจที่ก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปรากฏชัดจากผลประกอบการที่โดดเด่นของ GL ที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในหมวดบริษัทเงินทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยกำไรสุทธิไตรมาส 3 ที่ผ่านมาจำนวน 260.41 ล้านบาท นับเป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 โดยทำให้กำไรสุทธิรวม 9 เดือนแรกของปีนี้ พุ่งสูงขึ้นถึง 738 ล้านบาท โดยผู้บริหารของบริษัทฯ แสดงความมั่นใจว่ากำไรสุทธิของปี 2559 ทั้งปีจะบรรลุเป้าหมาย 1,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณเท่าตัวจากกำไรสุทธิประมาณ 600 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว

นอกเหนือจากการเติบโตของธุรกิจเดิมของ GL (organic growth) ผลประกอบการในไตรมาส 4 นี้ จะได้รับแรงหนุนที่สำคัญจากการควบรวมกิจการในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit & Finance Plc (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่มีกำไรดีและจดทะเบียนในตลาดหุ้นประเทศศรีลังกา โดยธุรกิจเดิมซึ่งมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องควบคู่กับอานิสงส์จากการควบรวมกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้ผู้บริหาร GL คาดการณ์ว่าผลกำไรในปี 2560 มีโอกาสทะยานขึ้นต่ออีกเท่าตัวเป็นไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งนายทัตซึยะชี้แจงว่าการเข้าถือหุ้น 29.99% ใน CCF จะเป็นแหล่งใหม่ที่สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเป็นที่คาดการณ์ว่า CCF จะสามารถทำกำไรประมาณ 30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า หรือเพิ่มจากคาดการณ์กำไรประมาณ 22 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ โดย GL จะสามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรเต็มทั้งปีประมาณ 1 ใน 3 จากผลกำไรของ CCF ในปี 2560

สำหรับการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศเมียนมาร์คาดว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับกลุ่ม GL อย่างเป็นกอบเป็นกำตั้งแต่ปีหน้าเช่นกัน เนื่องจากตลาดเมียนมาร์กำลังบูมสุดขีดและมีความต้องการสินเชื่อประเภทต่างๆ เป็นอย่างมาก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ GL ได้เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาร์ ชื่อบริษัท BGMM และนอกเหนือจากนั้นยังได้ทำข้อตกลงพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์กับนักธุรกิจชั้นนำชาวเมียนมาร์คือนาย Aung Moe Kyaw และหุ้นส่วนรายอื่น (AMK consortium) เพื่อรุกขยายการให้บริการสินเชื่อด้านอื่นๆ นอกเหนือจากไมโครไฟแนนซ์ สำหรับนาย Aung Moe Kyaw นั้น เป็นเจ้าของบริษัท Century Finance ซึ่งเป็นบริษัทเงินทุนที่ได้รับใบอนุญาตจากธนาคารกลางเมียนมาร์และเป็นประธานบริษัท Myanmar Distillery ซึ่งเป็นบริษัทสุราและเครื่องดื่มชั้นนำของเมียนมาร์ โดยความร่วมมือกับ AMK consortium ครั้งนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการรุกขยายธุรกิจสินเชื่อประเภทต่างๆ ครอบคลุมทั่วเมียนมาร์ โดยอาศัยเครือข่ายการจัดจำหน่ายสุราและเครื่องดื่มผ่านร้านค้าของชำประมาณ 22,000 แห่งทั่วประเทศ ซึ่ง GL ตั้งเป้าว่าเจ้าของร้านค้าของชำเหล่านี้ ซึ่งทำหน้าที่เป็นดีลเลอร์ของ GL สามารถเป็นลูกค้าของ GL โดยตรงและยังสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของ GL ในการขายบริการสินเชื่อรูปแบบต่างๆ ด้วย

ในขณะเดียวกัน บริษัท GL Finance Indonesia (GLFI) ซึ่งเริ่มดำเนินธุรกิจเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้โชว์ประสิทธิภาพและศักยภาพการขยายธุรกิจในอินโดนีเซียอย่างชัดเจน โดยสามารถทำกำไรได้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา นายทัตซึยะ กล่าวชี้แจงว่า นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ที่ GLFI สามารถทำกำไรได้ในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งแตกต่างจากบริษัทไฟแนนซ์โดยทั่วไปที่ต้องใช้เวลาหลายปี ก่อนที่จะเริ่มทำกำไรได้ เนื่องจากตลาดอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่มหึมา โดยมีประชากรกว่า 250 ล้านคน ผู้บริหาร GL ตั้งความคาดหวังว่ากำไรจากอินโดนีเซียจะสามารถแซงหน้ากำไรจากประเทศไทยและกัมพูชารวมกันในปี 2561

สำหรับสาเหตุหลักที่ GLFI สามารถทำกำไรได้ในช่วงเวลาสั้นๆ นั้น เป็นผลสืบเนื่องจากแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่กลุ่ม GL พัฒนาขึ้นมาเอง ซึ่งมีลักษณะโดดเด่นในแง่ประสิทธิภาพและความฉับไวในการให้บริการขั้นตอนต่างๆ เริ่มตั้งแต่การประเมินคำขอเงินกู้ของลูกค้า ไปจนถึงการจ่ายค่างวดหรือการโอนเงินของลูกค้า

ทั้งนี้ ในยอดกำไร 260.41 ล้านบาทในไตรมาส 3 ประกอบด้วยผลประกอบการจากประเทศไทย 100 ล้านบาท จากกัมพูชา 130 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทย่อยในประเทศไทยคือธนบรรณ และบริษัทย่อยใน สปป.ลาว สามารถสร้างผลกำไรได้แห่งละ 15 ล้านบาท นายทัตซึยะกล่าวชี้แจงว่า ธุรกิจในประเทศไทยจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ในอัตราที่ต่ำกว่าการขยายตัวที่รวดเร็วในตลาดต่างประเทศทุกแห่ง ดังนั้น ส่วนแบ่งกำไรของประเทศไทยจากกำไรทั้งหมดของบริษัทฯ จะลดลงจากประมาณ 40% ในปีนี้ เหลือ 20% ในปีหน้า และลดต่ำลงอีกหลังจากนั้น

คณะกรรมการของ GL ได้มีมติเมื่อเร็วๆ นี้ ให้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่ารวมทั้งสิ้น 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งเป็น 50 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ในประเทศอินโดนีเซียหรือ JTrust Asia (JTA) และอีก 20 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับพันธมิตรอีกรายหนึ่งในศรีลังกาคือบริษัท Creation Investments Sri Lanka (Creation SL) ทั้งนี้ เพื่อเตรียมเงินทุนก้อนใหม่สำหรับสนับสนุนการรุกขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นกู้แปลงรุ่นใหม่นี้มีอายุ 3 ปีและได้กำหนดราคาแปลงสภาพที่ 70 บาทต่อ 1 หุ้น โดยก่อนหน้านั้น GL ได้ออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่าทั้งสิ้น 130 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ JTA ซึ่งหุ้นกู้ชุดดังกล่าวมีราคาแปลงสภาพที่ 40 บาทต่อหุ้น

Categories
ข่าวแจ้งสื่อมวลชน

14 พฤศจิกายน 2559 : GL กำไร Q3 พุ่ง 73% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8

GL กำไร Q3 พุ่ง 73% ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8

14 Nov 2016

บมจ.กรุ๊ปลีส ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 3 โชว์กำไรสุทธิ 260.4 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 73.29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า เป็นการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 หลังจากบริษัทฯ ลุยขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ตลอดจนตลาดใหญ่ในอินโดนีเซีย และล่าสุดเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นศรีลังกา โดยคาดจะส่งผลเกื้อหนุนกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่อง

นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน กล่าวชี้แจงว่า อันที่จริงแล้วกำไรในไตรมาส 3 ควรจะเพิ่มสูงขึ้นเยอะมากกว่านี้ทีเดียว หรือควรจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 300 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัทฯ ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการที่สำคัญหลายรายการ ซึ่งการควบรวมกิจการเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากนี้ไป เนื่องจากบริษัทฯ จะเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยทาง CCF ได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการทั้งปี 2559 จะมีกำไรสุทธิ 24 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะทำให้ GL สามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 29.99% เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้

ในขณะเดียวกัน นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหารของ GL กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 4.6 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 255.8 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้นประมาณ 40 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท ให้กับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่อินโดนีเซียคือบริษัท J TRUST ASIA (JTA) เมื่อก่อนหน้านี้

นายทัตซึยะ กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการไตรมาส 3 ตามที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ (14 พ.ย. 2559) สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทย่อยในเครือ GL ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกัมพูชาที่ยังคงเป็นดาวเด่นต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียก็เริ่มมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจากยอดกำไรทั้งหมด 260.4 ล้านบาทนั้น สามารถแบ่งออกเป็นกำไรจากประเทศกัมพูชาประมาณ 130 ล้านบาท ตามด้วยผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 100 ล้านบาท และกำไรจากบริษัทย่อยในประเทศไทยคือธนบรรณ และจาก GLL (สปป.ลาว) อีกแห่งละ 15 ล้านบาท

นอกเหนือจากการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท CCF ที่จดทะเบียนในประเทศศรีลังกาแล้ว GL ยังเตรียมรุกขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ในประเทศเมียนมาร์ โดยเข้าควบรวมกิจการทั้งหมดของบริษัทไมโครไฟแนนซ์แห่งหนึ่งและเข้าร่วมทุนผนึกกำลังกับนักธุรกิจชั้นนำชาวเมียนมาร์ คือนาย Aung Moe Kyaw ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเงินทุน Century Finance และกิจการสุราที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ เพื่อรุกขยายธุรกิจให้ครอบคลุมบริการด้านการเงินที่หลากหลาย

นอกจากนี้ ล่าสุด คณะกรรมการของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีมติออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีกจำนวนทั้งสิ้น 70 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยออกจำหน่ายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งประกอบด้วยก้อนแรกจำนวน 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์รายเดิมในอินโดนีเซียคือ JTA และอีกส่วนหนึ่งจำนวน 20 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับบริษัทพันธมิตรอีกแห่งหนึ่งในศรีลังกาคือ Creation Investments Sri Lanka, LLC (Creation SL) โดยเงินทุนก้อนใหม่นี้ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2,400 ล้านบาท จะนำมาสนับสนุนการรุกขยายธุรกิจในกัมพูชาและเมียนมาร์ ทั้งนี้ หุ้นกู้แปลงสภาพชุดใหม่ล่าสุด 70 ล้านเหรียญสหรัฐนี้ มีอายุ 3 ปีและกำหนดราคาแปลงสภาพที่ 70 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทฯ จะนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในต้นเดือนธันวาคมนี้